“หมอชลน่าน” บี้ประธานรัฐสภา ทบทวนตีตกร่างแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ด้าน “พิจารณ์” โวยไม่รอร่างภาคประชาชน “ชวน” ยัน ไม่มีใครสั่งประธานได้ มั่นใจ วินิจฉัยสุจริต ยึดกฎหมาย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. 2564 การประชุมรัฐสภาที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา จำนวน 13 ฉบับ โดยพรรคพลังประชารัฐเสนอ 1 ฉบับ พรรคร่วมฝ่ายค้าน 4 ฉบับ และพรรคร่วมรัฐบาล 8 ฉบับ ซึ่งก่อนเข้าสู่วาระประชุม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้สอบถามถึงเหตุผลไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของพรรคเพื่อไทย เรื่องการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากฝ่ายรัฐสภาเห็นว่าญัตติดังกล่าวเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ใช่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา ขอให้ทบทวนความเห็นและบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุ หากจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทำประชามติก่อน ศาลรัฐธรรมนูญไม่ห้ามทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่การยื่นแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้เป็นเพียงกระบวนการจัดทำการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องรองรับไปสู่การทำรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น หากรัฐสภาเห็นชอบก็ให้จัดทำประชามติต่อไป รัฐธรรมนูญปี 2560 ยังไม่ถูกยกเลิก แต่การไม่บรรจุญัตติเท่ากับห้ามแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสิ้นเชิง ไม่อยากให้ตีความเกินคำวินิจฉัย ขอให้ทบทวน การไปยึดติดคำวินิจฉัยจนสมาชิกทำหน้าที่ไม่ได้ ขอให้เป็นหน้าที่สมาชิกวินิจฉัย ไม่ใช่ประธานวินิจฉัยเอง
ขณะที่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ความคืบหน้าของภาคประชาชนที่กำลังรณรงค์โครงการขอคนละชื่อรื้อระบบอประยุทธ์ ได้ 40,000 กว่าชื่อแล้ว ใกล้ครบ 50,000 ชื่อ แต่เสียดายที่ร่างที่ถูกเสนอโดยประชาชนไม่ถูกบรรจุเข้าสู่การพิจารณา หากสามารถรวมร่างทั้งหมดมาพิจารณาได้ จะช่วยประหยัดงบประมาณ และเกิดภาพที่สง่างามการรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชน แต่ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาลเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกลัวถ้ายุบสภาแล้วอาจแก้รัฐธรรมนูญไม่ทัน จึงอยากถามว่าถ้าภาคประชาชนล่าชื่อครบ 50,000 รายชื่อ โดยที่การพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ยังไม่จบวาระ 3 ร่างของภาคประชาชนจะถูกพิจารณาอย่างไร
นายชวน ชี้แจงว่า กระบวนการพิจารณาญัตติจะมีเจ้าหน้าที่รัฐสภาดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องผ่านฝ่ายที่ปรึกษากฎหมายรัฐสภา ยกเว้นเรื่องสำคัญจะมีที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายช่วยพิจารณาญัตติดังกล่าวนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าบรรจุไม่ได้จึงส่งให้ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายรัฐสภาช่วยพิจารณา ก็มีความเห็นตรงกันว่าบรรจุไม่ได้ จากนั้นส่งมาให้ประธานรัฐสภาพิจารณา ซึ่งพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยเหตุที่ไม่บรรจุญัตติดังกล่าว เพราะมีมาตรา 15/1 เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ จากการตรวจดูพบว่าหลักการและเหตุผลของญัตตินี้มีสาระสำคัญเหมือนร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไปแล้วว่า มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 และให้ไปทำประชามติก่อนว่าประชาชนประสงค์ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ดังนั้น จึงมีความเห็นไม่บรรจุ ถ้าบรรจุแสดงว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัย
“ยืนยันว่า 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครมาสั่งประธานได้ นายกรัฐมนตรีไม่เคยมายุ่ง ขอให้มั่นใจว่าการวินิจฉัยเป็นไปด้วยความสุจริต ยึดมั่นกฎหมาย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนร่างภาคประชาชน ถ้าส่งมาเมื่อใดก็จะพิจารณาและบรรจุให้ทันที ไม่มีลับลมคมใน ถ้าไปท้าทายคำวินิจฉัยด้วยการบรรจุญัตติ ก็เท่ากับทำผิดรัฐธรรมนูญ”