แก้รัฐธรรมนูญ: พปชร. ผนึก ส.ว. โหวตคว่ำร่างแก้ไข รธน. วาระ 3

  • หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
  • ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย

ภาพประชุมสภา

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ถูกโหวตคว่ำในวาระที่ 3 ตามคาด หลังที่ประชุมรัฐสภาใช้เวลา 4 ชม. ในการลงมติ ซึ่งปรากฏว่ามีคะแนน “เห็นชอบ” 208 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 94 และไม่ลงคะแนน 136 คะแนน ทว่าเมื่อคะแนนเสียงที่ได้ไม่มากกว่ากึ่งหนึ่ง จึงถูกตีตกไป

การลงมติในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่คาดคิดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางส่วน เมื่อจู่ ๆ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เสนอ “ญัตติซ้อนญัตติ” โดยขอให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบวาระ “เรื่องด่วน” ซึ่งหมายถึงการเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 ก่อนที่รัฐสภาเสียงข้างมากจะมีมติ “เห็นด้วย” กับญัตติของนายไพบูลย์ ด้วยคะแนนเสียง 473 ต่อ 127 งดออกเสียง 39 และไม่ลงคะแนน 5 เป็นผลให้ญัตติอื่น ๆ ของเพื่อนร่วมรัฐสภาที่เสนอไว้ และประธานกำลังเตรียมการให้ลงมติ 3 ญัตติ ต้องตกไปโดยปริยาย

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นสอบถามประธานรัฐสภากล่าวว่า “นี่เรากำลังจะลงมติวาระ 3 แล้วใช่ไหมครับ” เมื่อได้รับคำยืนยันแน่ชัด เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ผมคงไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยกับพวกฉ้อฉล ศรีธนญชัย โกหกปลิ้นปล้อน และก็ไร้สาระสิ้นดี นี่คือสภาโจ๊กครับ” จากนั้นบรรดา ส.ส.ภท. ได้พร้อมใจกันวอล์กเอาต์ทันที และไม่อยู่ร่วมลงมติ

ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 กำหนดให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องได้คะแนนเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา “มากกว่ากึ่งหนึ่ง” ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสองสภา หรือ 367 คน จากสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 737 คน (ปัจจุบันมี ส.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 487 คน และ ส.ว. 250 คน) แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ฝ่ายค้าน 20% หรือ 43 จาก 211 เสียง และมี ส.ว. เห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของ ส.ว. ที่มีอยู่ หรือ 84 คน

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ทว่าเมื่อนายชวนสั่งนับองค์ประชุมเพื่อเตรียมลงมติ กลับมีสมาชิกรัฐสภาแสดงตนเพียง 379 คน หรือเกินองค์ประชุมแบบฉิวเฉียดเพียง 10 คน และเมื่อเข้าสู่ช่วงลงคะแนน ก็มี ส.ว. และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนหายไป หรือเอ่ยว่า “ไม่ประสงค์ลงคะแนน” รวมถึงนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เจ้าของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย”

สำหรับผลการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ออกมา มีดังนี้

  • เห็นชอบ 208 เสียง (ส.ส. 206 คน และ ส.ว. 2 คน)
  • ไม่เห็นชอบ 4 เสียง (ส.ว. ล้วน)
  • งดออกเสียง 94 เสียง (ส.ส. 10 คน และ ส.ว. 84 คน)
  • ไม่ประสงค์ลงคะแนน 136 เสียง (ส.ส. 9 คน และ ส.ว. 127 คน)

รัฐสภาถก 11 ชม. ก่อนเดินหน้าโหวตวาระ 3

ก่อนหน้านี้ สมาชิกสภาสูงและสภาล่างได้ใช้เวลากว่า 11 ชม. ในการปรึกษาหารือกัน เนื่องจากตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 11 มี.ค. ไม่ตรงกัน

แม้ศาลรัฐธรรมนูญยืนยันว่ารัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ได้กำหนดเงื่อนไขว่า “ต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง”

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. พปชร. และนายสมชาย แสวงการ ส.ว. เจ้าของคำร้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ให้ความเห็นตรงกันว่ารัฐสภาไม่สามารถลงมติในวาระที่ 3 ได้ เพราะศาลวินิจฉัยว่า “ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” พร้อมยกเอาความเห็นฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรและฝ่ายกฎหมายของวุฒิสภามาสนับสนุนการตีความของตนเอง

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

นายไพบูลย์ นิติตะวัน

แต่แล้วก็เป็นนายไพบูลย์คนเดิมที่เสนอญัตติแทรกซ้อนกลางรัฐสภา และนำไปสู่การเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3

ส.ส. ส.ว. เสนอ 5 ญัตติซ้อนกลางสภา

ตลอดทั้งวัน มีสมาชิกรัฐสภาลุกขึ้นอภิปราย 42 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสนอญัตติด้วยวาจากลางรัฐสภา และมีสมาชิกรับรองครบถ้วนตามข้อบังคับการประชุมสภา รวม 5 ญัตติ ภายใต้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่ งดโหวต, เลื่อนโหวต และเดินหน้าโหวต ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ระบุว่าจะให้สมาชิกรัฐสภาได้ลงมติหลังรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวางแล้ว ทว่าสุดท้ายญัตติเหล่านี้ได้ “แท้งไป” จากญัตติแทรกซ้อนของนายไพบูลย์

หนึ่ง การลงมติของรัฐสภาในวาระที่ 3 ไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเด็ดขาดและมีผลผูกพันทุกองค์กร จึงมีผลให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องตกไป เสนอโดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว

สอง ขอให้รัฐสภามีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ตามมาตรา 210(2) ของรัฐธรรมนูญปี 2560 เสนอโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะขณะนี้เกิดข้อถกเถียงว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรมนูญมีความหมายอย่างไรในทางปฏิบัติ

“ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจเตะถ่วง หรือประวิงเวลา เพราะจุดยืนของ ปชป. ต้องการเห็นการแก้รัฐธรรมนูญไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งเพื่อให้กระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความรอบคอบ ชอบของรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” หัวหน้า ปชป. กล่าว

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา

สาม ขอให้ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่ให้มีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 เพราะเป็นการขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เสนอโดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ซึ่งเป็นการเสนอญัตติเพื่อปรับปรุงถ้อยคำตามญัตติของนายสมชาย แสวงการ ให้ชัดเจนขึ้นหลังถูก ส.ส. ท้วงติงว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายตกไปแล้ว ญัตติของนายสมชายจึงไม่เป็นญัตติ

สี่ ขอให้รัฐสภาพิจารณาหาแนวทางการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใน 4 แนวทาง

1) ให้รัฐสภาทำหน้าที่ต่อไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 256(6) คือมีการลงมติวาระที่ 3

2) ให้รัฐสภาชะลอการลงมติ แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาต่อไป

3) ให้รัฐสภาชะลอการลงมติ แล้วไปทำประชามติก่อนลงมติในวาระที่ 3

4) ให้รัฐสภามีมติไม่ให้มีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3

เสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ทว่าเจ้าตัวได้อภิปรายสนับสนุนแนวทางแรก ให้รัฐสภาได้หน้าที่ให้สมบูรณ์

“มันเป็นอำนาจของเรา อยากให้รัฐสภาเดินหน้าโหวตวาระที่ 3 เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินต่อในการทำประชามติหลังผ่านวาระนี้ ถ้าเราปิดกั้นในวันนี้ ก็เท่ากับปิดกั้นอำนาจของประชาชน” นพ. ชลน่านกล่าวและว่า “อย่าให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ต้องแท้งก่อนคลอด”

ห้า ขอให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติตามระเบียบวาระ เสนอโดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

นอกจากนี้ยังมี “ข้อเสนอลอย” ที่บรรดาผู้ทรงเกียรติแสดงความคิดเห็นกลางรัฐสภา แต่ไม่ได้นำเสนอในรูปญัตติอีก 2 ความเห็น ทว่า นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ได้รับเอาแนวคิดไปเป็นทางเลือกส่วนหนึ่งในญัตติที่เขานำเสนอไว้คือ

หนึ่ง ขอให้รัฐสภา “เลื่อน” หรือ “แขวน” การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 เอาไว้ก่อน เพื่อหาข้อสรุปชัดเจนว่าสถานะที่ค้างอยู่เป็นอย่างไร ต้องทำประชามติกี่ครั้ง, ใช้อำนาจตามกฎหมายใด, กำหนดคำถามว่าอย่างไร, ใครเป็นผู้เสนอคำถาม, เสนอไปที่ใคร เสนอโดยนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) โดยเขาเห็นว่าหากเดินหน้าลงมติในขณะนี้ จะทำให้ร่างนี้ตกไปแน่นอน

สอง ขอให้รัฐสภาเลื่อนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ไปก่อน จากนั้นจะเสนอญัตติขอให้ประธานรัฐสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำประชามติเพื่อถามประชาชนว่า “ท่านต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่รัฐสภากำลังจะพิจารณาใน 2 วันนี้ เสนอโดยนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พปชร.

ส.ว. ขู่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความซ้ำหากเดินหน้าโหวตวาระ 3

ท่ามกลางสารพัดญัตติที่เกิดขึ้น บรรดา ส.ว. ได้อภิปรายสนับสนับสนุนญัตติของเพื่อนร่วมสภาสูงด้วยกัน เพราะมองว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ค้างสภาอยู่ในเวลานี้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้ทำประชามติก่อน และหากเดินหน้าลงมติ จะทำให้สมาชิกรัฐสภาทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง โดยว่าที่ ร.ต. วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว. ประกาศกลางสภาว่า “ถ้าเดินหน้าโหวต ผมเป็นคนหนึ่งจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเอง”

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง พปชร., ปชป., ชทพ. และ ภท. ต่างลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนแนวทาง “เลื่อนลงมติ” ในวาระที่ 3 ออกไปก่อน ระหว่างรอการตีความแนวปฏิบัติตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน โดยที่ ส.ส.ปชป. และ ภท. สองพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาลด้วยเงื่อนไขต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญต่างระบุตรงกันว่าหากไม่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความรอบแรก เชื่อว่ารัฐสภาน่าจะผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้

“เมื่อบรรยากาศสะดุดหยุดลง เพราะติดกับดักที่พวกเราเหมือนทำกันเองหรือเปล่า ก็เหมือนกับสิ่งที่ทุ่มเททำงานมา น่าจะล่มสลายไป… ภท. สนับสนุนความคิดของ ปชป. ให้ส่งเรื่องไปถามศาลอีกครั้ง” นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภท. กล่าว

อย่างไรก็ตาม ส.ส. ฝ่ายค้านเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่รับ “ตีความซ้ำ” เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาล และเห็นว่ารัฐสภาต้องเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้เห็นไปเลยว่าใครขัดขวางกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นักการเมืองฝ่ายค้านยืนยันว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ใช่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เป็นการแก้ไขรายมาตรา (มาตรา 255, 256) เพื่อให้มี ส.ส.ร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อีกทั้งยังมีการกำหนดเงื่อนไขอยู่แล้วว่าห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

ในระหว่าง นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พท. กำลังอภิปราย ได้เกิดเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น ทำให้ทั้งสมาชิกรัฐสภาแตกตื่นเล็กน้อย เมื่อสัญญาณสงบลง นายชวน หลีกภัย กล่าวติดตลกว่า “สงสัยอภิปรายจนน้ำไหลไฟดับ”

ก้าวไกลชูป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” กลางสภา

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่าการเสนอญัตติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความซ้ำมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ เพราะทำให้กระบวนพิจารณาร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องล่าช้าออกไป พร้อมเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้ “เลิกพายเรือให้หัวหน้าคณะรัฐประหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญนั่ง ถึงเวลาต้องมายืนเคียงข้างประชาชน ทำตามที่หาเสียงไว้ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

ส.ส. รายนี้ยังพูดถึง “ความแปลกประหลาด” ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองคือ มีรัฐสภาที่ไม่รู้ว่าอำนาจหน้าที่ของตนเป็นอย่างไร ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ, มี ส.ว. ที่อ้างถึงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน แต่เมื่อปี 2562 กลับโหวตให้หัวหน้าคณะรัฐประหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญเป็นนายกฯ และมีองค์กรตุลาการที่ขาดความเชื่อมั่นประชาชน ขังผู้เห็นต่างทางการเมืองไปแล้วถึง 11 คน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีบทบาทรณรงค์ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

ส.ส. พรรคก้าวไกลชูป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” กลางสภา

เมื่อนายรังสิมันต์อภิปรายมาถึงตรงนี้ บรรดา ส.ส. ก้าวไกล ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต่างพร้อมใจชูป้าย ไอแพด หรือสมาร์ทโฟน ที่มีภาพวาดแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” ที่ตกเป็นจำเลยคดี 112 และคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจะระหว่างการพิจารณาคดีขึ้นมากลางรัฐสภา พร้อมข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนกลุ่มนี้ จนเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยกลางสภา เมื่อ ส.ว. นำโดยนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ลุกขึ้นประท้วงประธานที่ปล่อยให้มีการ “สร้างโอกาสนำเสนอป้ายที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาการอภิปราย” และตั้งคำถามว่า “อภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญ เกี่ยวอะไรกับ ‘ปล่อยเพื่อนกู’ หรือ เดี๋ยวเพื่อนจะตามเข้าไปอีก” ร้อนถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องสั่งให้งดชูป้าย ทว่า ส.ส. ก้าวไกลบางคนก็เปลี่ยนไปใช้วิธี “ชูสามนิ้ว” แทน โดยภาพทั้งหมดถูกถ่ายทอดสดผ่านทีวีรัฐสภา

น่าน

น่าน

แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง

Next Post

บทความ แนะนำ