โอกาสที่ไทยจะมีกฎหมายรองรับการใส่กัญชา กัญชง ลงไปในอาหาร กำลังจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุข เตรียมออกประกาศกฎกระทรวง อนุญาตให้ทำได้ให้หลายอุตสาหกรรม ขณะที่ รมว.สาธารณสุข ไม่กังวลจะเกิดการเรียกรับประโยชน์
วันนี้ (22 ก.พ.2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คือการทำให้กัญชา-กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชน โดยปลดล็อกในส่วนของราก ใบ ลำต้น เปลือกและเส้นใย ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 เพื่อนำมาแปรรูป เสริมสร้างรายได้ให้กับประชาชน เปิดทางระบบอุตสาหกรรมผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อาหารเสริม ยา เครื่องสำอาง
ส่วนการนำกัญชามาเป็นส่วนประกอบในอาหารนั้น จะต้องมีการกำหนดปริมาณในการใช้ที่ถูกต้องเหมาะสม เหมือนกรณีกำหนดการบริโภคเกลือ น้ำตาล ก็ต้องมีการกำหนดปริมาณการใช้
ปลดล็อกทุกเงื่อนไขต่อยอดผลิตภัณฑ์
กระทรวงฯ ปลดล็อกทุกเงื่อนไข เพื่อเปิดโอกาสให้นำไปกัญชา-กัญชงไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ โดยไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ แม้แต่ดอกกัญชาที่ยังเป็นสารเสพติด แต่หากประชาชนปลูกในนามวิสาหกิจชุมชน ก็สามารถนำไปขายให้กับโรงพยาบาลในรูปแบบช่อดอกกัญชาแห้ง เพื่อผลิตเป็นสารสกัดกัญชา หรือยาแผนไทยและยาแผนปัจจุบัน
ผู้ป่วยกว่า 50,000 คนใช้สารสกัดกัญชา
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย.ระบุว่า ขณะนี้ยาจากสารสกัดกัญชาใช้รักษาผู้ป่วยกว่า 50,000 คน, มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขกว่า 300 แห่ง เพื่อนำพืชกัญชามาผลิตเป็นน้ำมันกัญชาและส่วนผสมของยากัญชาแผนไทย
ล่าสุด คณะกรรมการอาหาร เตรียมประชุมหารือเพื่อปลดล็อกกัญชา-กัญชงในอาหารแปรรูปได้และให้ใช้เมล็ดกัญชง น้ำมันกัญชงในอาหาร หากที่ประชุมเห็นชอบก็จะออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ประกอบการขออนุญาตเลขจดแจ้งผลิตภัณฑ์จาก อย.ได้ ส่วนประชาชน ผู้ประกอบการ ที่จะนำส่วนของพืชกัญชาไปประกอบอาหารไม่ต้องขออนุญาต แต่วัตถุดิบกัญชาต้องมาจากแหล่งปลูกที่ถูกกฎหมาย
