วันที่ 21 ม.ค. 2565 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ รวมถึง ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายชวน ระบุว่า มีการหารือภายในแล้วว่าญัตติ มาตรา 152 จะเสนอในช่วงนี้และน่าจะมีการอภิปรายในช่วงกลางเดือน ก.พ. 2565 ไปแล้ว ส่วนระยะเวลาที่จะใช้ในการอภิปรายให้ตัวแทนผู้ควบคุมเสียงของทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันต่อไป อีกทั้งญัตติประเภทนี้ 1 ปีทำได้ครั้งเดียว โดยญัตตินี้เป็นการเสนอเพื่อสอบถาม ให้คำแนะนำ ไม่ถึงขั้นไม่ไว้วางใจ ซึ่งฝ่ายค้านก็มีการพูดคุยว่าจะรักษามาตรฐานสภาฯ จากนี้จะนำญัตติไปตรวจสอบตามขั้นตอนของสภาฯ ให้ถูกต้องตามข้อบังคับ ส่วนวันเวลาที่แน่นอนในการอภิปรายจะหารือกันอีกครั้ง

จากนั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ญัตติดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อทั้งหมด 173 รายชื่อจาก 7 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยสรุปของญัตติดังกล่าว ประเด็นที่จะนำสู่การอภิปรายแบ่งเป็น 4 เรื่องใหญ่
1. วิกฤติเศรษฐกิจ ในยุคข้าวของแพงค่าแรงถูก แพงทั้งแผ่นดิน
2. วิกฤติโรคระบาด ทั้งโควิด-19 โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ต้องสอบถามรัฐบาล แม้วานนี้จะมีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ก็ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกมากที่จะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
3. วิกฤติทางด้านการเมือง ยุคปฏิรูปการเมืองที่ล้มเหลว ยุคการเมืองที่ใช้เงินเป็นหลัก
4. วิกฤติเรื่องของความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ที่ไร้ประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ปัญหายาเสพติดที่ระบาดเต็มบ้านเมือง เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องสิ่งแวดล้อมภาวะฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่สำคัญคือ การบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้ประเทศชาติสูญเสียโอกาสในการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
ส่วนวันเวลาของการอภิปรายทาง นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ใช้แนวทางของการอภิปรายในปีที่ผ่านมาเป็นหลัก แต่ปีนี้เนื้อหาสาระค่อนข้างมาก จะขอเจรจาต่อรองไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง เพื่อกระจายเวลาให้กับสมาชิกได้อภิปรายอย่างเต็มที่ ขณะที่วันในการอภิปรายหลังหารือประธานสภาฯ ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคาดว่าจะเป็น 16-18 ก.พ. 2565


ต่อมาผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านคาดหวังว่าการเปิดอภิปรายครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับทางการเมืองหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ตอบว่า โดยเนื้อหาสาระ วิธีการ กระบวนการ ยากที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองในสภาฯ ได้ แต่เนื้อหาสาระที่เราเสนอเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะบอกกับประชาชนโดยตรงผ่านสภาฯ ในสิ่งที่จะรู้เห็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นที่ทำให้เกิดปัญหากับประเทศชาติ ทำให้เขาได้รับความเดือดร้อน มั่นใจว่าความเดือดร้อนของประชาชนจะส่งผลโดยส่งต่อรัฐบาลจากการกดดันของภาคประชาชนที่เริ่มมีเสียงเรียกร้องในทุกกลุ่มอาชีพ เป็นสิ่งที่เราคาดว่ารัฐบาลน่าจะรับฟังเสียงของเราในสภาฯ และเสียงของพี่น้องประชาชน
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองในทางที่ดีรัฐบาลก็ควรจะพิจารณา และอาจจะเป็นข้อเสนอหนึ่งที่ฝ่ายค้านจะเสนอต่อรัฐบาลและ ครม. เพราะตัวนายกรัฐมนตรีและ ครม. คือปัญหาสำคัญที่สุด ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังระบุทิ้งท้ายว่าคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก.