วันที่ 1 ก.ย.ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการกระตุ้นท่องเที่ยว พร้อมยืนยันเดินหน้าสู่การเปิดประเทศภายใน 120 วันตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งวันนี้เราได้เริ่มต้นในบางพื้นที่อาทิ โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และจะพิจารณาพื้นที่ต่างๆหลังจากนี้ วันนี้เรากำลังเดินหน้าสู่ประเทศวิถีใหม่ มีการเตรียมความพร้อมทุกด้านในส่วนของจีดีพี ต้องยอมรับว่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทุกประเทศต่างประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แต่กลับมีการเปรียบเทียบว่าประเทศไม่มีอะไรดี ท่านอย่าลืมว่า วันนี้เรามีมาตรการดูแลทั้งการลดดอกเบี้ย การพักชำระหนี้ ท่านรู้ดีว่าการจัดสรรงบประมาณเป็นอย่างไร
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องค่าโง่โครงการต่างๆ ถามว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งการแก้ปัญหาต่างๆมีกระบวนการตามอนุญาโตตุลาการ เรื่องการดูแลซอฟโลนท์ กลุ่มเปราะบาง SMEs รัฐบาลเร่งดำเนินการเรื่องต่างๆเหล่านี้ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานานอีกทั้งต้องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือเสมอ ส่วนเรื่องการต่างประเทศมีการดำเนินที่เป็นไปอย่างสมดุลระหว่างมหาอำนาจทุกมหาอำนาจ มีคนบอกว่า จะไปเป็นเมืองขึ้นเมืองออกของใคร ยืนยันว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครมาก่อน ท่านพูดอย่างนี้เป็นเรื่องที่เสียเกียรติภูมิประเทศไทย ในเวทีต่างประเทศ ตนยืนยันว่าไม่น้อยหน้าไปกว่าประเทศไทยในเรื่องของความเป็นศักดิ์ศรีประเทศ ซึ่งปีนี้เรากำลังจะเป็นประธานการประชุมเอเปค
นายกฯกล่าวย้ำอีกว่า ในเรื่องการเปิดประเทศ หากไม่สามารถเปิดพร้อมกันทั่วประเทศได้ เราก็จะพิจารณาเปิดเฉพาะพื้นที่ เพราะไม่ว่าจะเปิดเท่าไร่ก็ตาม แต่ถ้าการแพร่ระบาดยังมีอยู่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ต้องน้อยลงเป็นธรรมดา แต่ประเด็นสำคัญคือ เป้าหมายที่เขาจะมา ถ้าสามารถดำเนินการได้ทั้งประเทศต้นทางและปลายทาง ซึ่งตนก็พยายามเจรจาแต่ละประเทศโดยตลอดวันนี้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ถือว่ามีแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น หลังจากนี้ก็จะทยอยเปิดให้มากขึ้น ซึ่งเราต้องช่วยกัน
“ขณะที่การชุมนุมวันนี้ เป็นการไม่สมควรเลยที่มีส.ส.ไปอยู่เบื้องหลังยืนยันว่า ผมกลัวกฎหมาย กลัวการทุจริต ไม่ต้องมาขู่เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ผมก็เคารพตลอด อย่าบอกว่าผมไม่ฟังเสียงประชาชน ผมฟังทุกอย่างแต่ต้องหาวิธีการที่เหมาะสมไม่ใช่ขออะไรมาแล้วฟังทุกอย่าง ขอให้เข้าใจว่าการแก้ปัญหาวันนี้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเดิมๆ ที่หมักหมมมานาน วันนี้เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 ก็ต้องแก้ไปด้วยและต้องมองไปถึงอนาคต ขณะที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาการตกงานจากนี้จะหามาตรการที่เหมาะสมต่อไป” นายกฯ กล่าว
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว. การท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงว่า ในเรื่องการเปิดประเทศ กระทรวงท่องเที่ยวได้ดำเนินตามนโยบายของนายกฯ ในการดำเนินการร่วมกับหน่วยงาน ทั้งกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเราได้เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นพื้นที่นำร่องไปแล้วก่อนหน้านี้ มีนักท่องเที่ยวที่เข้ามากว่า 2 หมื่นคนมีการเข้าพัก 3.6 แสนรูมไนท์ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในส่วนของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัส เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงถึง 6-7 หมื่นบาทต่อทริป ซึ่งนอกเหนือจากนักท่องเที่ยวตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่เข้ามากว่า 2 หมื่นคนมีการเข้าพัก 3.6 แสนรูมไนท์แล้ว ในส่วนของสมุยพลัสยังมีนักท่องเที่ยวที่เข้าพักถึง 5,727 คืน สิ่งเหล่านี้เป็นการทดสอบเบื้องต้นตามนโยบายของนายกฯ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนการเปิดประเทศหลังจากนี้จะเป็นการเปิดประเทศใน ระยะที่ 2 เรามีไทม์ไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไปเราจะเปิดเพิ่มอีก 5 จังหวัดคือ กทม.,ชลบุรี,เพชรบุรี,ประจวบคีรีขันธ์และเชียงใหม่ ขณะที่ระยะที่ 3 เราจะเปิดเพิ่มอีก21จังหวัดซึ่งคลอบคลุมทั้งประเทศ ภาคเหนือประกอบด้วย ลำพูน,แพร่,น่าน,
แม่ฮ่องสอน,เชียงราย,สุโขทัย ภาคอีสานประกอบด้วย อุดรธานี ,หนองคาย, บึงกาฬ,อุบลราชธานี ภาคตะวันตก ได้แก่กาญจนบุรี ,ราชบุรี ภาคตะวันออกได้แก่จ.ระยอง,จันทบุรี,ตราด ภาคกลางได้แก่พระนครศรีอยุธยา ภาคใต้ได้แก่ระนอง,ตรัง,สตูล,สงขลา,นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ระยะที่ 3 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15ต.ค. เป็นต้นไป ก่อนเข้าสู่การเปิดประเทศในระยะที่4 ซึ่งเป็นการเปิดแบบบับเบิ้ล ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศไทย ในพื้นที่ชานแดนต่างๆภายในวันที่1-15ม.ค.2565 โดยหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจะหน้าที่ในการประสานระหว่างประเทศต่อไปยืนยันว่าทุกสิ่งต้องอยู่ในความพร้อมที่ทีมหมอและสสจ.จังหวัดเห็นชอบ อย่างไรก็ดีการที่จะเปิดประเทศต้องมีความสอดคล้องกับการรับวัคซีนซึ่งในเดือนส.ค.เราได้รับการจัดสรรวัคซีนไปแล้วกว่า 13ล้านโดส ,ก.ย.อีกประมาณ 16 ล้านโดส,ต.ค. 24 ล้านโดส พ.ย.และธ.ค.เดือนละ 23 ล้านโดส ซึ่งจะไปรองรับการเปิดประเทศ พื้นที่ไหนได้รับวัคซีนแล้วไม่น้อนกว่า 70%ก็จะมีการหารือเพื่อเปิดพื้นที่ต่อไป

