“ชลน่าน” จี้ “บิ๊กตู่” ออกแถลงการณ์โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจในเย็นวันที่ 23 ส.ค. ประกาศลาออก เชื่อเป็นหนทางที่ดีที่สุด ชี้หากดื้อแพ่งอาจไม่มีที่ซุกหัวอยู่ ผวา! 23 ส.ค.สั่งกฎหมายงบประมาณให้ไม่ผ่านเพื่อเปิดช่องยุบสภา ซ้ำร้ายอาจอยู่ต่ออีก 2 ปีตามคำบิ๊กป้อม “ธนกร-เสกสกล” รุมดีดปากผู้นำฝ่ายค้าน ให้รอฟังคำตัดสินศาลอย่าปั่นกระแสสังคม กลุ่มราษฎรโผล่ขย่มนายกฯ ออกแถลงการณ์บี้ออก คณะหลอมรวมฯ โหมโรงไล่! “จตุพร” ฟันธงหลังเที่ยงคืน 23 ส.ค.จะเปลี่ยนแปลงชนิดคาดไม่ถึง ท้องถนนจะกำหนดอนาคต “ทนายนกเขา” เตือนศาล รธน.อย่าทำเป็น รธน.เสียเอง ขู่หาก “ประยุทธ์” ไม่ยึด กม.พร้อมยึดทำเนียบฯ ลั่นไม่หวั่นนองเลือด
เมื่อวันอาทิตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจพ้นตำแหน่งนายกฯ ในส่วนของพรรค พท.เหลือเพียงนายชัยเกษม นิติสิริ คนเดียวที่อยู่ในบัญชีนายกฯ ว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และ 159 ถ้าเลือกไม่ได้ก็ดำเนินการตามมาตรา 272 ซึ่งรายชื่อของพรรคมี 3 คน แต่โดยความชอบธรรมแล้ว เมื่ออีก 2 คนไปทำหน้าที่อื่นก็เหลือเพียงนายเกษมคนเดียว ส่วนที่พรรคจะเสนอรายชื่อนายกฯ นอกบัญชี กรณีถ้าสภาเลือกคนในบัญชีไม่ได้ ไม่ว่าจะเลือกกี่ครั้งก็ไม่ได้ เพราะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสภาเห็นชอบ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเลือกวนรอบอยู่อย่างนั้นจนหมดวาระสภาในวันที่ 23 มี.ค.2566
เมื่อถามว่าหากต้องเสนอนายกฯ คนนอก พรรค พท.เตรียมคนไว้หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกัน เรามีคนในบัญชี จึงต้องส่งคนในบัญชีก่อน ส่วนการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่น่าจะเหมาะในสถานการณ์อย่างนี้ ส่วนชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ จะเหมาะกับการเป็นนายกฯ คนนอกบัญชีหรือไม่ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมนายกฯ 8 ปี ในวันที่ 22 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในคำร้องของฝ่ายค้านมีคำร้อง 2 เรื่อง คือ 1.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ และ 2.ให้ศาลมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งถ้าสภาส่งคำร้องไปถึงศาลแล้ว ปกติศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมทุกวันพุธ คือวันที่ 24 ส.ค. ถ้าศาลตั้งองค์คณะว่าจะรับคำร้องดังกล่าวหรือไม่ ก็จะรู้ในวันดังกล่าวว่าศาลจะสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำร้องหรือไม่
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า ถ้าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะออกอย่างเท่ที่สุดเย็นวันที่ 23 ส.ค. จะออกประกาศแถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรี เลยว่า กราบเรียนพี่น้องประชาชน ผม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหมดวาระตำแหน่งนายกฯ ในเวลา 24.00 น. ของวันนี้ ขอให้รัฐสภาดำเนินการเลือกตั้งนายกฯ คนต่อไปได้ อย่างนี้ทุกคนก็ปรบมือให้ คือมโนธรรมสำนึกความรับผิดชอบ เคารพหลักนิติธรรม พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในใจพี่น้องประชาชน และกลไกหลังจากนั้นจะดี-ไม่ดี หรือเลวร้ายค่อยว่ากัน ฝันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะประกาศออกจากตำแหน่งอย่างสง่างามเพราะเป็นทางที่ดีที่สุด สำหรับประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ และสถาบันตุลาการก็รอดตัวไม่ต้องวินิจฉัย
ถามอีกว่า ยังเชื่อว่านายกฯ จะไม่เลือกวิธียุบสภาใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากยุบสภาช่วงนี้มีแต่โทษไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับประเทศ ข้ออ้างในการยุบสภาไม่สมเหตุสมผล เหตุที่ต้องอ้างได้คือความขัดแย้ง และความเสียหายจากฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น วันที่ 23 ส.ค.นี้ จะมีการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ในวาระ 3 หากไม่ผ่าน เหมาะสมยุบสภา
ให้รอคำตัดสินของศาล
เมื่อถามว่า แสดงว่าในวันที่ 23 ส.ค. ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 จะไม่ผ่านวาระ 3 ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะงบประมาณอาศัยเสียงข้างมาก ถ้าเสียงข้างมากถูกบงการมาว่าเอาช่องทางนี้ก็เป็นไปได้ทั้งหมด ส่วนเหตุผลอื่นคือต้องการให้ตัวเองอยู่ในอำนาจได้ยาว ซึ่งเป็นเหตุผลที่อันตรายมาก
“โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่ออีก 2 ปี ตามที่ พล.อ.ประวิตรพูดนั้น ในเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ และมีแนวโน้มว่าสูงมากตามที่สร้างกระแสมา ออกกลางๆ คาดว่าจะลดความกดดันของภาคประชาชนได้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์มี 3 แนวทางที่วิเคราะห์กัน คือ 1.ออกด้วยอำนาจใจของ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบว่าหมดวาระ 2.อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และ 3.อำนาจประชาชนขับไล่ หากเป็นผม จะเลือกทางเลือกที่ 1 เพราะเท่ และเป็นรัฐบุรุษได้เลย ไปเป็นตำแหน่งอะไรที่อยู่ในประเทศก็ได้ คนก็เคารพยกย่อง” นพ.ชลน่านกล่าว
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าอยากขอให้ทุกฝ่ายอย่าก้าวล่วงอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่าออกมาพูดชี้นำเพื่อสร้างความสับสนให้ประชาชน ไม่คุ้มเลย มีแต่จะทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง วันนี้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเองมาไกลขนาดนี้แล้ว อย่าพยายามดึงกลับไปจุดเดิมอีกเลย ทางที่ดีควรรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงจะเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ออกมาขู่ว่าจะชุมนุม ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเคลื่อนไหวกดดัน ถือว่าไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง
“ยืนยันว่าท่านนายกฯ เป็นชายชาติทหาร พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล และจะไม่ทำพฤติกรรมเหมือนอดีตนายกฯ บางคน ที่ไม่พอใจคำตัดสินก็หนีไปต่างประเทศ แล้วให้สัมภาษณ์ด้อยค่าคำวินิจฉัยเพื่อเรียกคะแนนสงสารเป็นรายวันแน่นอน” นายธนกรกล่าว
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวเช่นกันว่า พท.ไม่ต้องมาพูดเพื่อตีกินทางการเมือง ฉวยโอกาส หรือเข้าข้างตัวเอง ให้นายกฯ ออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ยืนยันว่านายกฯ จะยังปฏิบัติภารกิจต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายกฯ ก็พร้อมที่จะรับคำตัดสินของศาลอยู่แล้ว
“ขอให้พรรคฝ่ายค้านเลิกออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ และรอคำตัดสินของศาล เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการชี้นำ หรือทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ทั้งนี้ หากพรรคฝ่ายค้านมั่นใจว่ากระบวนการพิจารณาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปีจะใช้เวลาไม่มาก ก็ควรรอก่อน ไม่ควรที่จะมากดดันนายกฯ ให้ลาออกก่อนแบบนี้” นายเสกสกลระบุ
ตั้งวงจี้ประยุทธ์ลาออก
แฟนเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี – PMOC ก็มีการโพสต์ข้อความเรื่องนี้ ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับวาระ 8 ปีตามที่นักข่าวได้ถามนั้น เพราะนายกฯ ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า อำนาจทุกอย่างเป็นของศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย ฉะนั้นแล้วต้องเคารพการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ทุกฝ่ายยึดหลักการและปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นเดียวกัน เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ และไม่เกิดความวุ่นวาย พร้อมติดแฮชแท็กทิ้งท้าย #สร้างไทยไปด้วยกัน #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
วันเดียวกัน ยังคงมีการจัดกิจกรรมในหลายส่วนในเรื่องวาระ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยที่ รร.อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต มีการจัดเสวนา ‘อนาคตประเทศไทย บนเส้นทางประชาธิปไตย’ โดย นพ.ชลน่านปาฐกถาว่า วันที่ 23 ส.ค. เวลา 20.00 น. อยากเห็นการฉายภาพไปยังทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ประกาศยุติสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งตัวเองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถูกจารึก เกียรติยศ เกียรติภูมินายกฯ จะได้รับการยกย่อง อยู่ในสังคมอย่างภาคภูมิ ไปไหนคนก็ยกมือไหว้ และดีต่อประเทศ ลดข้อขัดแย้ง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 24 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์คงจะประเมินจะผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าประเมินไม่ผ่าน โอกาสยุบสภาก็มี แต่เชื่อว่า 24 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ถ้ามีการตีความเป็นอย่างอื่น พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ ได้ต่อไปอีก รัฐธรรมนูญมาตรา 158 จะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ซึ่งประเทศนี้มักมีข้อยกเว้น หมดเวลาแล้ว ข้อยกเว้นทั้งหลายต้องสิ้นสุดไป รัฐธรรมนูญฉบับนี้คือขวากหนามกระบวนการประชาธิปไตย ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าอนาคตเราจะเป็นประชาธิปไตย
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ถ้าตีความตามกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไม่ได้ เมื่ออยู่ไม่ได้มีความเสี่ยงจะยุบสภา เพราะ พล.อ.ประยุทธ์หมด และหาก พล.อ.ประยุทธ์รับสัญญาณหรือรู้ล่วงหน้าคำวินิจฉัยศาลจะเป็นอย่างไร อาจยุบสภาก่อน 24 ส.ค. หรือหลัง 24 ส.ค. แต่ยังมีอีกทางคือ เมื่อศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเป็นสถานการณ์ดีที่สุด ไม่รู้ว่าจะฝากความหวังไว้ที่ศาลได้หรือไม่ ครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้าได้เห็นการวินิจฉัยการถวายสัตย์ปฏิญาณ กรณีบ้านพักหลวง เชื่อว่าประชาชนไม่อยากเห็นผลลัพธ์เป็นแบบนั้นอีก
ร.อ.จารุพล เรืองสุวรรณ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การสื่อสารและรณรงค์นโยบาย พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า หัวใจหลักของการเป็นนายกฯ คือได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ มาตั้งแต่ปี 2557 และไม่ได้บอกว่าจะเป็นนายกฯ มาจากวิธีไหน เลือกตั้งหรือยึดอำนาจ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรไปได้แล้ว
นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทยกล่าวว่า การจะอยู่หรือไปอยู่ที่จิตใต้สำนึก นิสัย กมลสันดานของท่าน มีเส้นบางๆ ดีหรือชั่ว ถ้าเลือกดีก็ดี ถ้าไม่ดี ก็รับผลกรรม ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ทำตัวเหนือกฎหมาย ก็ลองดู พวกเราจะจับท่านเข้าคุก ถ้ายังไม่ลาออก เดินถนนเส้นไหนไม่ได้ นอกจากอยู่แต่ในค่ายทหาร
ราษฎรโผล่ไล่ประยุทธ์
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ขอเสนอทางเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทางเลือกแรก ลาออกวันที่ 23 ส.ค. เสียสละเพื่อประเทศ เศรษฐกิจดีขึ้น บ้านเมืองได้ไปต่อ ไม่เกิดความขัดแย้ง ทางเลือกที่สองคือ ยุบสภาจะรักษาการต่อไป ทางออกที่ดีที่สุด คือ ลาออกวันที่ 23 ส.ค. ไม่เช่นนั้นอาจมีความขัดแย้ง ลุกลามบานปลาย แต่ถ้ายังไม่เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. ขอให้พี่น้องประชาชนมาร่วมกำหนดชะตากรรม พล.อ.ประยุทธ์ไปด้วยกัน
ในช่วงท้าย เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเสวนาถาม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามต่างๆ ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นต้นเหตุของปัญหา หากยังแก้ไขไม่ได้ ไม่มีทางประชาธิปไตยจะสมบูรณ์แบบ ต้องกำจัด 250 ส.ว.ออกไป ที่ถามว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ จะเดินหน้าอย่างไร ถ้าเป็นสมัยก่อน คงลากเก้าอี้ พาคนไปเดินขบวน แต่ขอเรียนให้ทราบว่า จะไม่ทำให้การพัฒนาสมบูรณ์แบบพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้มือที่สาม ทหารมายึดอำนาจประชาชนอีก แต่เส้นทางที่จะทำคือ รอวันเลือกตั้ง ใช้ปากกาฆ่าเผด็จการ เพื่อบอกว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการ
ขณะเดียวกัน กลุ่มราษฎรและประชาชน 4 ภาค นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายธัชพงศ์ แกดำ, นายธนพัฒน์ กาเพ็ง กลุ่มทะลุฟ้า, น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง และ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ ประมาณ 30 คน เดินทางมาถึงยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถือป้ายไวนิลมีข้อความต่างๆ อาทิ ‘ให้มันจบที่ 8 ปี พอกันทีนายกฯ เถื่อน’, ‘ประยุทธ์ออกไป’ และ ‘นายกฯ เถื่อน’ โดยตลอดการเดินเท้าจากสนามหลวงถึงอนุสาวรีย์ฯ มีการตะโกนว่า ‘ประยุทธ์ออกไป’ ตลอดทาง
จากนั้นเวลา 10.25 น. ตัวแทนแต่ละกลุ่มได้แถลงถึงเหตุผลในการเข้าร่วมการชุมนุมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อมา น.ส.ปนัสยาได้อ่านแถลงการณ์ที่ลงนามชื่อโดย 38 องค์กร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคีกลุ่มราษฎร โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลงจากตำแหน่ง และอย่าสร้างสุญญากาศทางกฎหมายด้วยการประกาศยุบสภาในขณะที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ได้ถูกประกาศใช้ และส่งสารไปยังประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลมีคำวินิจฉัยประเด็นการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกฯ ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 24 ส.ค.2565 หรือให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 จนกว่ามีคำวินิจฉัยแล้วเสร็จ
“ขอยืนยันข้อเรียกร้องเฉพาะกาลก่อนการเลือกตั้งดังต่อไปนี้ 1.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากการดำรงตำแหน่งนายกฯ 2.หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมลงจากอำนาจ ศาลธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 ส.ค. และให้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกฯ ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง” น.ส.ปนัสอ่านแถลงการณ์จบก็ได้ให้ผู้ทำกิจกรรมได้ชูสามนิ้วพร้อมตะโกนว่า “ประยุทธ์ออกไป”
“ตู่-นกเขา”ขู่ยึดทำเนียบฯ
ส่วนที่ลานคนเมือง คณะหลอมรวมประเทศไทย นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ จัดเวทีสาธารณะ “หยุด 8 ปีประยุทธ์” ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 21-24 ส.ค.นี้ โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. โดยประชาชนที่เข้ากิจกรรมจะได้รับเสื้อยืดสีขาว สกรีนตัวอักษรที่หน้าอกด้วยสีดำ “หยุด 8 ปี ประยุทธ์” ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจตุพรแถลงว่า กฎเกณฑ์กติกาทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งคนมากำหนดกฎเกณฑ์ทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น เราได้ยินนายมีชัย ฤชุพันธุ์ พูดต่างกรรมต่างวาระว่า มีเรื่อง “คุณขอมา” แต่มาตรา 158 ที่กำหมดการดำรงตำแหน่งนายกฯ จะเป็นกี่ครั้งก็ตามแต่เกิน 8 ปี ไม่ได้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการเป็นนายกฯตลอดชีวิตทำไมไม่ให้นายมีชัย เขียนว่า “บุคคลเป็นนายรัฐมนตรีโดยไม่จำกัดระยะเวลา”
“วันที่ 23 ส.ค. จะมีความชัดเจน มีการชุมนุมไปถึงเที่ยงคืนเคาต์ดาวน์ นั้นหมายความว่า เวลาสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ 60 พล.อ.ประยุทธ์จะสิ้นสุดเวลา 00.001 วินาที ของวันที่ 23 ส.ค. พวกผมไม่ได้สนใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่หรือไป พล.อ.ประยุทธ์ดื้อดึงอยู่ในตำแหน่งต่อไป ละเมิดกฎหมายหมายสูงสุดที่ตัวเองกำหนดขึ้นมา ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องลาออก ไม่ต้องยุบสภาจะได้วัดหัวใจของประชาชนเช่นเดียวกัน” นายจตุพรกล่าว
ด้านนายนิติธรกล่าวว่า ล่าสุดตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการส่งคนไปเคลียร์กับศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นศาลต้องคิดให้ดี ศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ศาลที่มีต้นทุนสูงในสังคมไทย ไม่ใช่ศาลที่มีต้นทุนในประเทศนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินเรื่องง่ายๆ ในการถวายสัตย์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าทำตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ง่ายมาตรา 161 ว่าไม่ได้พูดในส่วนที่จะดำรงและปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญทุกประการ ฉะนั้นวันนี้ไม่ไว้วางใจศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ เสร็จแล้วศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องตระหนักให้ดีว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญก็ส่วนหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญก็ส่วนหนึ่งอย่าได้ทำตัวเป็นรัฐธรรมนูญเสียเองเป็นเพียงแค่ศาลเท่านั้น
“ถ้าประยุทธ์ไม่เอากฎหมาย นิติธร ล้ำเหลือ ก็ไม่เอากฎหมายเช่นเดียวกัน รับคำถ้าจะมีกองกำลังเท่าไหร่ ตำรวจเท่าไหร่ขนมา เมื่อคุณไม่เอากฎหมาย ผมไม่เอากฎหมาย ถ้างั้นเจอกัน ผมจะเข้าไปในทำเนียบฯ ไม่ให้คุณนั่งได้อีกต่อไป เป็นไงเป็นกัน บรรดานายทหารที่รับผลประโยชน์จากประยุทธ์ มีหลักฐานหมดว่าแต่ก่อนทำอะไรมีผลประโยชน์ไรบ้างที่คดโกงกันมีหมด คุณเริ่มผมจะทำให้มันจบ ประยุทธ์อย่าถอยก้าวเข้ามาประชาชนก็จะก้าวเข้าไปแล้วเจอกัน” นายนิติธรกล่าว
นาจตุพรกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เริ่มเห็นปรากฏการณ์คนเริ่มมามาก วันที่ 22-23-24 เชื่อว่าวิกแตก และสถานการณ์ที่เลยเถิดวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะกลับบ้านไม่ถูก หาทางลงไม่เจอ พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิดว่าจะจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนเที่ยงคืนวันที่ 23 ส.ค. เพราะหลังเกินเที่ยงคืนไปแล้วสถานการณ์ของประเทศจะไม่เหมือนเดิม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชนิดที่คาดไม่ถึง ถ้าประชาชนมีความพร้อม คณะหลอมรวมประชาชนฯ ก็พร้อม วิกฤตนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีทางรับมือได้ เชื่อว่าถ้าประชาชนลุกมาเร็ว พล.อ.ประยุทธ์ก็จะจบเร็ว ประเทศจะได้นับหนึ่งกันเร็ว เชื่อว่าคนจะมากตามลำดับให้ดูปรากฏการณ์ชุมนุมพฤษภาเอาไว้ จุดจบไม่ต่างกัน และเชื่อว่าใกล้เข้ามาแล้ว ท้องถนนกำหนดอนาคตชาติ ไม่ใช่รัฐสภา
ทนายนกเขากล่าวเพิ่มอีกกรณีที่ตำรวจออกข้อประกาศข้อกำหนดในการชุมนุมว่า “วันที่ 24 ส.ค. ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยประชาชนไปออกประกาศว่านายกรัฐมนตรี ถ้า 24 ส.ค. ไม่ออกประกาศให้ประยุทธ์ ผมก็ไม่ทำตามเอาแบบชัดเจน ประยุทธ์อยู่ไหน จะไปที่นั่น ถ้าตำรวจจะสลายการชุมนุมก็ทำ อยากนองเลือด อยากให้แก๊สน้ำตาฟุ้งทั่วประเทศก็ทำ เราพร้อม”.