วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2025
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ติดต่อเรา
  • แผนผังเว็บไซท์
  • Login
น่าน
  • น่าน
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
  • น่าน
  • ข่าว
  • กิจกรรม
  • หางาน
  • ธุรกิจ
  • ร้านค้า
  • วิถีชีวิต
    • คนสำคัญ
  • สถานที่ท่องเที่ยว
  • สถานศึกษา
  • ผู้สนับสนุนเว็บ
  • ติดต่อเรา
No Result
View All Result
น่าน
No Result
View All Result
Home ข่าว

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐเร่งกระจายวัคซีนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ‘เพื่อไทย’ ย้ำต้องฉีด 40 ล้านคนภายในปีนี้

น่าน by น่าน
5 ปี ago
in ข่าว
Reading Time: 1min read
158
0
100
SHARES
199
VIEWS
Share on FacebookShare on TwitterSent to LINE friend

‘ก้าวไกล’ แถลงผิดหวัง ศบค.ไม่เร่งสื่อสารแนวทาง home isolation ‘ศิริกัญญา’ จี้ รัฐเร่งกระจายวัคซีนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ อย่าทำเสียโอกาสอีกเหมือนคราว พ.ร.ก.เงินกู้ ‘เพื่อไทย’ เสนอเร่งเยียวยาเดือนละ 5 พัน 3 เดือน ชี้เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้น ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำ แนะต้องมีแผนกระจายวัคซีนที่ชัดเจน และฉีดให้กับประชาชน 40 ล้านคนภายในปีนี้

19 เม.ย. 2564 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่า วันนี้ ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลด้านนโยบาย พร้อมด้วย นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางเเค พรรคก้าวไกล เเถลงออนไลน์ผ่านระบบ Zoom ถึงประเด็นเเละมาตรการในจัดการวิกฤตสถานการนการณ์เเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอก3 

ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางเเค จากการที่ตนได้เคยลงพื้นที่ร่วมกับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อปลายเดือนมีนาคมในช่วงที่มีการระบาดคลัสเตอร์บางเเค เพื่อสำรวจเเละช่วยเหลือในกลุ่มของผู้ป่วยติดเตียง พบว่ากลุ่มนี้เข้าถึงมาตรการของรัฐได้ลำบากมากกว่าประชาชนทั่วไป และการเดินทางเข้ารับการตรวจแต่ละครั้งยังมีภาระค่าใช้จ่ายสูง โดยสิ่งที่ตนได้เยียวยาเเละช่วยเหลือเบื้องต้น คือ การจัดหาข้าวสารอาหารเเห้งเเละผลักดันให้มีจุดตรวจคัดกรองเคลื่อนที่ไปตามชุมชน 

“สิ่งที่เป็นปัญหาสะท้อนจากประชาชนกลับมา คือการเข้าถึงวัคซีน ประชาชนยังขาดความมั่นใจในวัคซีนที่รัฐบาลจัดหา ไม่ว่าจะเป็น AstraZenica หรือ sinovac ในเรื่องผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นตามกระแสข่าว  ถ้าภามชาวบ้าน 5 คน ว่าอยากฉีดไหม 3 -4 คนจะตอบว่าอยากฉีดแต่ไม่กล้าฉีด เพราะไม่มั่นใจ ความต้องการของประชาชนเเละผู้ประกอบการตอนนี้ไม่ได้ต้องการข้าวสารอาหารแห้งแล้ว สิ่งที่เขาถามเรากลับมาคือเมื่อไหร่จะจบ เขาต้องการความเชื่อมั่นเรื่องวัคซีนเเละทางเลือก นอกจากนี้เขายังสะท้อนว่าสับสนในมาตรการการกักตัวจึงต้องการรายละเอียดถึงแนวทางที่ชัดเจนกว่านี้” ณัฐพงษ์ กล่าว 

นพ.วาโย กล่าวว่า จากการสำรวจเรื่องวัคซีนของ พบว่า ร้อยละ 80 มีความต้องการฉีดวัคซีน เพราะเชื่อว่าเป็นทางออกเเละหนทางให้วิกฤตครั้งนี้จบลงได้ เเต่ปัญหามันเกิดขึ้นตรงที่ประชาชนไม่มั่นใจต่อวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอยืนยันว่าการฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีด และต้องเข้าใจตรงกันว่าการฉีดวัคซีนกันตายเเต่ไม่กันติด 

ในส่วนกรณีแนวปฏิบัติของกลุ่มเสี่ยง วาโย ชี้ว่า กรมควบคุมโรค เเบ่งระดับกลุ่มผู้เสี่ยงเป็น 3 กลุ่ม คือสีเเดง สีเหลือง สีเขียว สีเเดงคือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ถ้าติดต้องเข้าสู่กระบวนการรักษา หากผลเป็นลบต้องกักตัว เเละตรวจเชื้ออีกครั้ง  สีเหลือง คือผู้สัมผัสกับวงแรก ให้ดูเเลตัวเองเเละหลีกเลี่ยงที่ชุมชน ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ปฏิบัติตัวเคร่งครัดในการใส่หน้ากากอนามัยล้างมือ สีเขียวคือเป็นผู้ปลอดภัย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

“อีกประเด็นที่อยากกล่าวถึงคือการทำ home isolation หรือ home quaranetine ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ทำสถิติผู้ติดเชื้อสูงสุด หรือ new hight หลายครั้ง ซึ่งการระบาดในระลอกนี้เป็นระบาดระลอกที่ 3 ที่สูงกว่ารอบเเรก เเละรอบที่สอง ซึ่งเราจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากเรายังคงดื้อที่จะนำผู้ติดเชื้อทั้งหมดไปอยู่ใน state quarantine ทั้งหมดอาจจะสิ้นเปลืองงบประมาณเเละสิ้นเปลืองทรัพยากร และจะทำให้ไม่สามารถจัดสรรสถานที่รองรับหากบุคคลที่ต้องการหรือมีความจำเป็นจริงๆได้ เนื่องจากร้อยละ 80-90 ของผู้ติดเชื้อวัยเป็นทำงานหรือวัยหนุ่มสาว และมักไม่ออกอาการ สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐอาจเห็นถึงปัญหานี้ แต่ข้อเท็จจริงกับประกาศที่เกิดขึ้นไม่สามารถสอดคล้องให้ดำเนินการต่อไปได้”

ทั้งนี้ วาโย ระบุว่า เมื่อวาน (18 เม.ย.) ตนได้เห็นเเนวทางมีในการทำ home isolation และ home quarantine จากกรมการเเพทย์  แต่พอตั้งใจฟังการเเถลงของ ศบค. ในวันนี้ รู้สึกผิดหวังที่ ศบค.ไม่ได้กล่าวถึงแนวทางดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐให้ความรู้ต่อประชาชน ให้ประชาชนเข้าใจเเละสามารถปฏิบัติตามมาตรการการกักหรือแยกตัวที่บ้านได้ 

นอกจากนี้ ยังอยากให้เตรียมความพร้อมรับมือกับอัตราการฉีดวัคซีนที่จะสูงขึ้นมาก ตอนนี้อัตราการฉีดอยู่ที่วันละ 10,000 – 30,000 คนต่อวัน แต่ครึ่งปีหลังเราจะได้รับวัคซีน 10 ล้านโดสต่อเดือน ถ้าหากไม่เพิ่มอัตราในการฉีดให้เป็น 10 เท่า หรือ 300,000 – 400,000 รายต่อวัน รัฐจะไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ตามจุดประสงค์เเละกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ 

ประการสุดท้าย นอกจากการจัดเตรียมสถานที่และบุคลาการเพื่อการนี้แล้ว บุคลากร ในเรื่องของอุปกรณ์ทางการเเพทย์ที่ใช้เเล้วสิ้นเปลืองไปต้องเตรียมให้เพียงพอด้วย อย่าให้เกิดเหตุการณ์ เช่น หน้ากากอนามัยเจลล้างมือขาดตลาด หรือมีก็มีของไร้คุณภาพแต่ราคาแพง ครั้งนี้เข็มฉีดยา และหลอดฉีดยา ต้องมีให้พร้อม อย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม อุปสงค์มากกว่าอุปทาน หรือมียาเเต่ไม่มีเข็ม เป็นต้น 

ศิริกัญญา กล่าวว่า นโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเรืองวัคซีน เพราะการที่เศรษฐกิจจะพลิกฟื้นกลับมาได้คือต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ซึ่งภาครัฐมีมาตรการออกมาเพื่อควบคุมการเเพร่ระบาดแล้วแต่มาตรการเยียวยายังไม่ออกมา ดังนั้นรัฐควรมีมาตรออกมาตรการเยียวยาเป็นระยะที่สามด้วย โดยรอบนี้ตนขอตั้งชื่อว่า ‘เราต้องรอด’

“เมื่อมีการระบาด เราก็สามารถเยียวยาอีกได้ เเละสามารถกู้ได้ ช่องว่างทางการคลังยังสามารถกู้ได้ เเต่เราจะวนลูปนี้อีกนานเเค่ไหน เพราะหากเกิดการระบาดในระลอก 4 เเละ 5  คงทำแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้ รัฐบาลต้องหาทางออก ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือวัคซีน ภายในเดือนพฤษภาคม รัฐควรต้องเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนได้อย่างครบถ้วน แต่ตอนนี้มีแค่ line official  หมอพร้อม ที่อาจจะยังไม่พร้อม และยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่”

ประเด็นที่สอง รัฐต้องประกาศแผนการกระจายวัคซีนให้ชัดเจน ฉีดใครและฉีดที่ไหนก่อน เเละจะฉีดอย่างไร เพราะตามเเผนเดิมที่รัฐบาลวางไว้เพื่อฟื้นเศรษฐกิจคือจะเริ่มเปิดประเทศในเดือนกรกฎาคม ที่จังหวัดภูเก็ต เดือนตุลาคมจะขยายต่อไปที่ สมุย พังงา กระบี่ เชียงใหม่ ซึ่ง เงื่อนไขเดียวที่จะกลับมารับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีกครั้งก็คือประชาชนในจังหวัดเหล่านี้ได้รับวัคซีนอย่างถ้วนหน้า 

นอกจากนี้ ความหวังของการฟื้นเศรษฐกิจยังอยู่ที่การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับสองปัจจัย คือการครอบคลุมของการฉีด และประสิทธิภาพของวัคซีน ดังนั้นยิ่งวัคซีนที่เราใช้มีประสิทธิภาพต่ำ จำนวนการฉีดก็ยิ่งต้องเพิ่มขึ้น อาทิ อัตราการเเพร่กระจาย อยู่ที่ 2.2 หมายความว่า 1 คนสามารถ ติดได้ 2.2 คน ถ้าวัคซีนมีประสิทธิภาพเต็ม 100 สัดส่วนการฉีดจะอยู่ที่แค่ร้อยละ 50 ก็พอ เเต่ถ้าวัคซีนตัวหลักเช่น AstraZineca มีประสิทธิภาพร้อยละ  70 สัดส่วนการฉีดต้องเพิ่มเป็นร้อยละ 80  ดังนั้น เพื่อให้การฉีดสามารถเกิดขึ้นได้ตามอัตรานี้ จึงควรมีมาตรการในการกระจายวัคซีนให้แก่ประชาชน การฉีดวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส หรือวันละ 300,000 คน ควรได้รับการร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ในวันที่ถึงกำหนดนัดไปฉีด  นายจ้างควรอนุญาตเป็นวันหยุดที่ไม่ใช่วันลาได้ เพื่อให้การฉีดวัคซีนกระจายไปในกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

“อยากฝากว่าวัคซีนยังคงเป็นความหวังสุดท้าย ไม่อยากให้เราเสียโอกาสสำคัญ เหมือนกับกรณีที่เรามีตัวช่วย อาทิ พ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้าน  ,พ.ร.ก.ซอร์ฟโลน 5 แสนล้าน เเละ พ.ร.ก.พยุงหุ้นกู้ 4 แสนล้าน ผ่านไป 1 ปี เราสูญเสียโอกาสสำคัญทางเศรษฐกิจ ในการกู้เงินจากพ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับ มีการอนุมัติไปเพียงไม่ถึง 1 ใน 3  โดย พ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้านบาท ใช้ไปไม่ถึง 7 เเสนห้าหมื่นล้านบาท แผนฟื้นฟูยังไม่ถึงไหน เบิกจ่าย 209 โครงการไม่ถึงร้อยละ 10  , พ.ร.ก.ซอฟท์โลนอนุมัติให้ sme ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ 5 แสนล้านบาท เป็นปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถพลิกฟื้นกลับคืนมาได้ เราไม่อยากให้สูญเสียโอกาสในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจครั้งนี้อีกครั้งจากเเผนการกระจายวัคซีนที่ล่าช้าเเละไม่กระจายความเสี่ยง” ศิริกัญญา กล่าวทิ้งท้าย

‘เพื่อไทย’ เสนอเร่งเยียวยาเดือนละ 5 พัน 3 เดือน ชี้เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้น ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำ แนะต้องมีแผนกระจายวัคซีนที่ชัดเจน และฉีดให้กับประชาชน 40 ล้านคนภายในปีนี้

สำนักข่าวไทย รายงานว่าว่า พรรคเพื่อไทยจัดเสวนาวิกฤติและทางออกโควิดระลอก 3 โดยมี พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน และประธานอนุกรรมการนโยบายด้านสาธารณสุข เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคฯ และผอ. ศูนย์นโยบายฯพรรค และจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคและประธานอนุกรรมการนโยบายด้านท่องเที่ยวร่วมการเสวนา

พิชัย กล่าวว่า รัฐบาลยอมรับแล้วว่าเศรษฐกิจของไทยปีนี้จะขยายตัวไม่ถึง 4% และมีโอกาสที่ขยายตัวได้ต่ำ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ เมื่อมีการระบาดของโควิดครั้งนี้ เศรษฐกิจไทยจึงหมดหวังและคาดจะขยายตัวได้ไม่ถึง 2% และหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ เศรษฐกิจไทยอาจจะติดลบได้อีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก โดยมีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 4.5 แสนล้านบาท

“สาเหตุของการระบาดทั้ง 3 ครั้งมาจากคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ตั้งแต่ครั้งแรกที่สนามมวย ครั้งที่ 2 จากบ่อนการพนัน และการขนแรงงานเถื่อนที่โยงใยกับคนในรัฐบาล และล่าสุดเกิดจากสถานบันเทิงอโคจรที่คาดว่ามี ครม.เข้าไปเที่ยวกันหลายท่าน จนถูกขนานนามว่าเป็นไทยคู่ฟ้าคลับ เรื่องเหล่านี้จึงทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะแพร่ระบาดอีกหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่จริงจังในการลงโทษคนกระทำผิด ที่เชื่อว่าจะเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาล จึงชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลบริหารงานล้มเหลวมาตลอด ไม่ถูกตำหนิก็ไม่ยอมแก้ไข ไม่เคยคิดล่วงหน้า ขาดวิสัยทัศน์อย่างรุนแรง รัฐบาลใช้เงินมากมายในการเยียวยา แต่กลับไม่ใช้เงินในการจัดหาวัคซีนตั้งแต่แรก ทำให้การระบาดเป็นวงกว้าง จนเตียงในโรงพยาบาลต่างๆเต็มหมด และต้องขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น” พิชัย กล่าว

พิชัย กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางออกของประเทศไทย 6 แนวทาง คือ นายกรัฐมนตรีต้องเร่งเยียวยาประชาชนโดยด่วน โดยให้เยียวยาประชาชนเดือนละ 5,000 บาท จำนวน 3 เดือน และจ่ายเป็นเงินสด และ หลังจากเยียวยาแล้ว นายกฯ ควรจะต้องออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ รัฐบาลจะต้องเร่งหาวัคซีนมากระจายการฉีดให้กับประชาชนโดยเร็ว และต้องหลากหลายยี่ห้อ และรัฐบาลต้องมีแผนงานการกระจายฉีดวัคซีนอย่างชัดเจนเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ,เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SME การให้ซอฟท์โลนอย่างเร่งด่วน เร่งสร้างความมั่นใจให้กลับมาโดยเร็ว ซึ่งในสายตาของต่างชาติประเทศไทยในปัจจุบันไม่ต่างจากเมียนมา

“ถ้านายกฯ ยังอยู่ต่อไป เศรษฐกิจไทยจะยิ่งเสื่อมถอยไปเรื่อย ๆ เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาหลักของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และสุดท้าย ต้องเร่งสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศ โดยการปล่อยนักศึกษาและแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขัง ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด อีกทั้งต้องให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน” พิชัย กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งจัดหาวัคซีนและฉีดให้กับประชาชนในปีนี้ให้ได้ถึง 40 ล้านคน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันและไม่เกิดการแพร่ระบาดออกไปอีก ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดถึงกว่า 1,700 รายภายในหนึ่งวัน และเมื่อคำนวณอัตราการแพร่เชื้อ พบว่า 1 คนสามารถแพร่เชื้อได้อีก 2-3 คน ดังนั้นถ้าภายใน 30 วันรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ชัดเจนออกมาจะทำให้มีผู้ติดเชื้อสูงถึงกว่า 1 แสน 3 หมื่นราย ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤติ

“จากนี้ทุกคนจะต้องทำหน้าที่เป็นหมอ ดูแลตนเองและครอบครัวไม่ให้มีโอกาสเสี่ยง ภาครัฐและเอกชนทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งนี้ ผู้นำประเทศภาครัฐและศบค.ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าจะมีมาตรการออกมารองรับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้ลดลง เนื่องจากมาตรการในขนาดนี้ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและเห็นว่าภายหลังจากที่นายกฯ ได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการแถลงที่ทำให้ทุกคนหมดหวังและหมดกำลังใจ” นพ.ชลน่าน กล่าว

Tags: newsข่าวจังหวัดน่าน
Previous Post

อัพเดท45จังหวัดที่มีคำสั่ง-ประกาศกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่ 18 Apr 2021

Next Post

จิสด้า ( GISTDA ) เผยข้อมูล ภาพถ่ายดาวเทียม 3 จังหวัดภาคเหนือ เสี่ยงสูง เกิด ไฟป่า

น่าน

น่าน

แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง

Next Post
จิสด้า-(-gistda-)-เผยข้อมูล-ภาพถ่ายดาวเทียม-3-จังหวัดภาคเหนือ-เสี่ยงสูง-เกิด-ไฟป่า-–-ejan

จิสด้า ( GISTDA ) เผยข้อมูล ภาพถ่ายดาวเทียม 3 จังหวัดภาคเหนือ เสี่ยงสูง เกิด ไฟป่า

บทความ แนะนำ

เปิดคลังภูมิปัญญาสล่า“พุทธศิลป์วัดแสงดาว”ศูนย์เรียนรู้เชิงช่างพื้นถิ่นภูเพียงสู่พื้นที่สร้างสรรค์น่าน

“หมอชลน่าน”ยันร่าง MOU พรรคก้าวไกล ไม่มีเงื่อนไข ม.112-“เพื่อไทย”ไม่เอานิรโทษกรรม

คนอุบลฯ โวยมีชื่อเลือกตั้งนอกเขตไกลจากอีสานโผล่ทั้งภาคเหนือและภาคใต้

‘น่านบันดาลใจ’จริง!อพท.นำเครือข่ายยกระดับหัตถกรรม-ศิลปะพื้นบ้านน่าน ปั้นเมืองสร้างสรรค์ชงยูเนสโกปีนี้

“น่าน” ผนึกเครือข่าย เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ “กำแพงเมืองเก่า-คูเมืองน่าน”ต่อเนื่อง เชื่อมประวัติศาสตร์กับวิถีคนน่าน บันดาลไอเดียหนุนเศรษฐกิจและท่องเที่ยวยั่งยืน

‘เพื่อไทย”จ่อเปิดเวทีใหญ่บางระกำซ้ำ 30 เมษาฯนี้ ‘สมศักดิ์’ลั่น พท.แลนด์สไลด์ สร้างงานทันควัน-เงินดิจิทัลแก้เศรษฐกิจฉับพลัน

“ธรรมนัส” ลั่น! 8 จว.ภาคเหนือ “พลังประชารัฐ” ได้เก้าอี้ ส.ส.ทุกจังหวัดแน่

“เศรษฐา” ควง “โอ๊ค” ลงพื้นที่แม่กลอง ขอพรหลวงบ้านแหลม พร้อมช่วยลูกพรรคหาเสียง

“ชัยเกษม”แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย วูบ ต้องนำส่ง รพ.ระหว่างหาเสียงเมืองน่าน เตรียมส่งรักษา กทม.พรุ่งนี้

สุดเศร้า! อดีต ส.อบต.ร่วมทีมอาสาดับไฟป่า เจอลมแรงหัวไฟเปลี่ยนทิศโดนคลอกดับ

เชียงใหม่เผชิญวิกฤตฝุ่นควันต่อเนื่อง-ค่ามลพิษอากาศพุ่งยึดแน่นอันดับ 1 เมืองหลักอากาศเลวร้ายที่สุดโลก

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และมูลนิธิพุทธรักษา มอบวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือป้องกัน-ดับไฟป่า

หมวดบทความ

การก่อสร้าง การขนส่งทางรถไฟ รถไฟฟ้า การค้าวัสดุก่อสร้าง การติดตั้งไฟฟ้าสายหลัก การผลิต การบรรจุก๊าซ การผลิตน้ำแข็ง การผลิตเส้นไหม การผลิตและบรรจุยา การหล่อหลอม การกลึงโลหะ การหีบฝ้าย ปั่นนุ่น การเคลือบ ชุบ อาบขัดโลหะ การเลี้ยงสัตว์ กิจกรรม ข่าว ตรวจหวย ธุรกิจ น่าน บริษัท มูลนิธิ ร้านค้า ร้านอาหาร วิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว สถานศึกษา สพป.น่าน เขต 1 สพป.น่าน เขต 2 สพม.เขต 37 สมาคม หน่วยงานราชการ อบจ. อบต. เอสเอ็มอี โรงงาน โรงพยาบาล บริการสุขภาพ โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนศิลปะและกีฬา โรงเรียนสอนวิชาชีพ โรงเรียนสามัญ โอทอป

เกี่ยวกับเรา น่าน



เป็นศูนย์รวมในการนำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในจังหวัด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะและ ให้คำแนะนำเพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิก อีกทั้งยังเผยแพร่ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย ต่าง ๆ อีกด้วย

Unable to open file!