กระทรวงสาธารณสุข กระตุ้นประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่าน สมัครร่วมโครงการก้าวท้าใจ Season 3 พิชิต 100 วัน 100 กิโลเมตร พร้อมสะสม Health Point หรือแต้มสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ในกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น
วันนี้ (13 มีนาคม 2564) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานเปิดกิจกรรมก้าวท้าใจ Season 3 ณ สวนสาธารณะอำเภอปัว จังหวัดน่าน ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินโครงการก้าวท้าใจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้อง ส่งเสริมการ ออกกำลังกาย โดยให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดี ส่งเสริมให้บุคลากรสาธารณสุขเป็นต้นแบบด้านสุขภาพ (Health Model) ร่วมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการส่งเสริมการออกกำลังกาย ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการโครงการก้าวท้าใจ Season 1 60 วัน 60 กิโลเมตร มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 480,115 คน ระยะทางสะสมทั้งหมด 20,714,388 กิโลเมตร และก้าวท้าใจ Season 2 60 วัน 6,000 กิโลแคลอรี มีการใช้พลังงานสะสมทั้งหมด 988,151,245 กิโลแคลอรี
สำหรับโครงการก้าวท้าใจ Season 3 100 วัน 100 กิโลเมตร ในปี 2564 นี้ ได้เริ่มเก็บคะแนนสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 8 มิถุนายน 2564 รวมระยะเวลา 100 วัน โดยขณะนี้พื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ มีจำนวนสมาชิกก้าวท้าใจ Season 3 ทั้งสิ้น 114,416 คน ระยะทางสะสม 44,632.84 กิโลเมตร เฉพาะจังหวัดน่าน มีจำนวนสมาชิก 11,287 คน ระยะทางสะสม 6,000 กิโลเมตร

“ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่าน และทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยลงทะเบียน ผ่าน Line @Thnvr เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ และมีการคัดกรองสุขภาพ โดยการประเมิน ค่าดัชนีมวลกาย ส่งผลและรายงานผลการออกกำลังกาย และขยายกลุ่มเป้าหมาย ไปยังสถานประกอบการ ชุมชน และสถานศึกษา รวมทั้งมีการจัดแข่งขันภายในกลุ่ม และเปรียบเทียบกลุ่ม พร้อมทั้งสามารถสะสม Health Point หรือแต้มสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ในกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการออกกำลังกาย ของประชาชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้แลกสิทธิ์ในการลุ้นของรางวัล และเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพ โดยรางวัลแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) รางวัลสำหรับผู้ที่สามารถพิชิต 100 กิโลเมตร 10,000 คนแรก 2) การจับรางวัล สำหรับผู้พิชิต 100 วัน 100 กิโลเมตร และ 3) ใช้ Health Point แลกรับของรางวัล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ทางด้าน นายสราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือ ที่ประสบกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในช่วงเวลานี้ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนที่ออกกำลังกาย ในที่โล่งแจ้งได้ กรมอนามัยจึงขอแนะนำให้ยึดหลัก 3 เปลี่ยน ได้แก่ 1) เปลี่ยนเวลาออกกำลังกายในช่วงบ่าย หรือ เย็นแทนช่วงเช้า และไม่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N 95 ในขณะที่ออกกำลังกายอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ร่างกายต้องหายใจแรงเร็วขึ้น ส่งผลให้ระบบหัวใจ และหลอดเลือดทำงานหนักมากขึ้น และอาจเป็นอันตรายได้ 2) เปลี่ยนสถานที่ เมื่อค่าฝุ่นสูง ให้เปลี่ยนมาเป็นออกกำลังกายในอาคาร หรือฟิตเนสแทน เพราะการออกกำลังกายกลางแจ้ง จะส่งผลให้อัตราการหายใจเพิ่มมากขึ้น โอกาสที่ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จะแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ถุงลมในปอด และผ่านเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมไปถึงการกำเริบของโรคหัวใจ และโรคหอบหืด และ 3) เปลี่ยนรูปแบบ เช่น เปลี่ยนจากการวิ่งมาเป็นการเดิน และหากอยู่ในระดับสีแดง ให้งดออกกำลังกายกลางแจ้ง เปลี่ยนเป็นการวิ่งบนลู่วิ่ง หรือใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายในฟิตเนสแทน เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ


