ทิชา วิ่งสุดแรงเกิด เธอก้าวขายาว ๆ อย่างไม่คิดชีวิต เธออุตส่าห์หนีมาได้ตั้งไกลจะมาโดนจับที่นี่
ได้อย่างไร ตำรวจไล่ตามมากระชั้นชิด ทิชาเหนื่อยหอบใจสั่นระรัว แต่ใจเธอไม่ได้คิดเรื่องความ
ปลอดภัยของตัวเองแม้แต่น้อย เธอห่วงแต่เพียงคนที่เธอรัก เธอต้องหนี จะยอมโดนจับไม่ได้
นักประดาน้ำกำลังคันหาร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่าเด็กหญิงอายุ
ประมาณ 7-8 ป้ วิ่งเล่นอยู่คนเดียวริมบ่อน้ำไร้คนดูแล คุณป้าชาวบ้านแถวนั้นยังช่วยตะโกนว่าให้
ระมัดระวังเพราะบ่อน้ำบ่อนี้มันลึก ผู้ใหญ่ที่ว่ายน้ำแข็ง ๆ ก็มาพบจุดจบที่นี่หลายคนแล้ว ไม่ทัน
ขาดคำ นักประดาน้ำก็งมกระเป๋าเป้สีฟ้า เขียนชื่อ ด.ญ.ของขวัญ ผู้เป็นเจ้าของ ขึ้นมาจากบ่อน้ำ
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ทิชายังทำงานเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรไม่แสวงกำไรแห่ง
หนึ่ง หน้าที่หลักของทิชาคือสำรวจประชากรนกในพื้นที่และรายงานผลกระทบที่เกิดจากการก่อสร้าง
เขื่อน โครงการ เขื่อนสาคำ จังหวัดน่าน ทิชาเป็นผู้หญิงวัยสามสิบที่สวย สง่า พูดน้อย เธอเป็นคนมี
ความรู้เรื่องนกอย่างดีเยี่ยม แต่กลับเก็บตัวอยู่กลางป่าเขาไม่ยอมสุงสิงกับใครนอกจากเพื่อนร่วมงาน
ชีวิตของเธอมีแต่งานและนกที่เธอรักเท่านั้น เธอไม่ได้ติดต่อแม่กับน้องสาว 2 คนมานานแล้ว แม้จะ
ทราบข่าวว่าน้องสาวคนกลางกำลังจะแต่งงาน แต่ทิชาก็ไม่คิดว่าเธอสมควรไปร่วมแสดงความยินดี
ทิชาออกจากบ้านหลังนั้นมาเป็นสิบปีแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลับไปอีก เพราะเธอทำให้แม่
ผิดหวังอยู่เรื่อย อย่างการมาเป็นนักวิจัยอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ใช่เส้นทางชีวิตที่แม่ของเธอขีดวางเอาไว้
ให้
แต่องค์กรของเธอกลับถูกตัดงบประมาณทำให้ต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว ทิชาเองก็กำลังขอทุน
ไปทำวิจัยเรื่องนกที่ประเทศมาเลเซีย ทิชาจึงจำเป็นต้องคว้างานที่พอจะทำได้ในขณะนั้น ทำไป
พลาง ๆ ก่อน รอจนกว่าจะรู้จุดหมายต่อไปแล้วเมื่อถึงเวลาเธอก็จะอพยพไปราวกับนกย้ายถิ่น
ทิชาไปเป็นครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เธอรับหน้าที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์และเป็นครูประจำชั้นห้อง
ป. 2/1 ที่นั่นเธอได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่ง เด็กหญิงคนนี้มองผ่าน ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรที่สะดุดตา ไม่ใช่
เด็กเรียนเก่ง ไม่ได้ร่าเริง ไม่ใช่เด็กกล้าแสดงออก แต่ทิชามองเห็นตัวเองในแววตาของเด็กหญิงคน
นี้ เธอรู้ในทันทีว่าเด็กหญิงตัวน้อยมีชีวิตที่ยากลำบาก

“สวรรค์มีจริงไหมคะ เคยมีนักวิทยาศาสตร์ตอบคำถามเรื่องนี้ไหมคะ” เด็กน้อยถามครู
“ครูคิดว่าสวรรค์กับนรกอยู่ใความคิดของคนเรา ไม่ได้เป็นสถานที่จริง ๆ แต่ข้อสำคัญคือถ้าเรา
อยากไปสวรรค์ ก็ต้องทำความดีในตอนที่เรามีชีวิตอยู่ คนที่บอกว่าสวรรค์มีจริง คงอยากให้ทุกคน
เป็นคนดีมากกว่า”
“เขาหลอกเราหรือคะ” แววตาใสซื่อตั้งคำถาม หาความหมายของการมีชีวิต ทิชาไม่แน่ใจว่าควรจะ
ตอบคำถามนี้ยังไง เธอไม่คุ้นเคยกับเด็ก ๆ ให้เธออธิบายเรื่องวิวัฒนาการของสัตว์ปีกยังง่ายเสียกว่า

ของขวัญ อายุ 8 ขวบ อาศัยอยู่กับแม่และแฟนของแม่ แม่ของเธอทำงานที่ร้านอาหารกว่าจะเลิกงาน
ก็ดึกตื่น ส่วนอาตั้มผู้ชายที่สองแม่ลูกพึ่งพิงก็เป็นคนไม่เอาถ่าน วัน ๆ ก็สำมะเลเทเมา เล่นเกม
เหมือนเด็กไม่รู้จักโต ของขวัญก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงรักอาตั้มนักหนา รักมากถึงขนาดพาตัวเอง
กับลูกย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอันแสนไกลแห่งนี้ ของขวัญรู้แต่เพียงว่าเธอมีหน้าที่ไปโรงเรียน กลับ
ถึงบ้านแล้วรีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุด รอเวลาจนกว่าแม่จะกลับมาเธอถึงจะปลอดภัย ถ้าอยู่บ้านเธอ
ก็ต้องทำตัวเงียบ ๆ ไม่ร้องไห้งอแง
“หนูกลัวแล้ว หนูขอโทษ” คือคำพูดติดปากที่ของขวัญพูดบ่อยที่สุดเวลาอยู่บ้าน
ทำตัวให้เล็กที่สุด ขดตัวนอนอยู่ในกระเป๋าเดินทางเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต ถ้าทำแบบนั้นได้เธอก็จะ
รอด


ของขวัญมาโรงเรียนด้วยร่างกายผอมโซ ไม่มีเรี่ยวแรง เสื้อผ้าหน้าผมมอมแมม ขาดการดูแลเอาใจ
ใส่ แถมตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยฟกช้ำตลอดเวลา ทิชาเห็นกับตาว่าของขวัญถูกเด็กผู้ชายหัวโจกใน
ห้องแกล้ง ทิชารู้สึกเป็นห่วงของขวัญ แต่ความรู้สึกที่มีต่อของขวัญก็เป็นเพียงความห่วงใยของครู
ประจำชั้นที่มีต่อนักเรียนในความดูแล หาได้มีเยื่อใยหรือความรู้สึกสนิทสนมผูกพันเป็นพิเศษ
ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ทิชายังคงแวะเวียนไปยังพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนสาคำเพื่อสำรวจดูนกเหมือนที่
เคยทำอยู่ทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งทิชาก็ได้พบกับ ปราชญ์ นักข่าวหนุ่มไฟแรงที่มาทำข่าวคดี
ฆาตกรรมนักเคลื่อนไหวชาวไทยที่ขัดขวางการสร้างเขื่อน ปราชญ์พยายามจะสัมภาษณ์ทิชา โดย
เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าทิชาเป็นลูกสาวคนโตของ วรินทรา เจนกิจโสภณ กรรมการผู้จัดการ
ใหญ่บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ประมูลโครงการรัฐบาลใหญ่ ๆ รวมถึงการสร้างเขื่อนสาคำแห่งนี้ ทิชา
คือแหล่งข่าวชั้นดี และแน่นอนว่าทิชาไม่ยอมให้ความร่วมมือกับปราชญ์เด็ดขาด เธอไม่อยากพูดถึง
แม่ ไม่อยากให้แม่รู้ว่าเธอหลบซ่อนอยู่ที่นี่ เธอต้องการเป็นอิสระจากแม่ผู้ทรงอิทธิพลของเธอ
ทิชาบังเอิญเจอของขวัญเดินตร็ดเตร่เรร่อนอยู่คนเดียวกลางดึก แถมยังกระเตงตะกร้าใส่แมวมาด้วย
หนึ่งตัว ทิชาแปลกใจที่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาเดินอยู่คนเดียว ทิชาชวนของขวัญให้มานั่งกินข้าว
ด้วยกัน ของขวัญมีสมุดจดเล็ก ๆ ติดตัวที่ของขวัญจะจดคำของที่เธอชอบลงไปในสมุด ของขวัญ
บอกว่าอาหารที่เธอชอบมากที่สุดคือ “นมชมพู” แม้ทิชาจะไม่เห็นด้วยว่านมชมพูเป็นอาหารเพราะ
คุณค่าสารอาหารน้อย แต่ทิชก็สั่งมาให้เด็กน้อยได้ดื่มกิน ของขวัญดื่มนมชมพูอย่างเอร็ดอร่อย ส่ง
ยิ้มให้ครูประจำชั้นอย่างไร้เดียงสา ทิชายิ้มตอบ ของขวัญได้จดคำของที่ชอบคำใหม่
“เวลาที่ครูทิชายิ้ม”
ของขวัญไม่ยอมให้ทิชาไปส่งที่บ้าน เพราะกลัวแม่ดุ ทิชายอมแต่ก็ต้องเสียใจในวันรุ่งขึ้นและวันต่อ
ๆ มา เพราะหลังจากนั้นของขวัญไม่มาโรงเรียนอีกหลายวัน ทิชากับเพื่อนครูพยายามรายงานเรื่อง
ข้อสงสัยว่าของขวัญอาจโดนทารุณกรรมจากที่บ้านให้กับผู้อำนวยการฟังเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่
ก็ไร้ผล บางที่ผู้ใหญ่ก็มองว่าเด็กเล่นซนก็ต้องโดนตี โดนทำโทษเป็นธรรมดา

ทิชาตัดสินใจไปเยี่ยมของขวัญที่บ้านเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าของขวัญยังปลอดภัยดี แต่สิ่งที่เห็นคือ
ของขวัญมีผ้าปิดแผลที่กกหู แม่ของของขวัญไม่ให้ความร่วมมือกับครู ส่วนของขวัญก็โกหกว่าตัว
เองหกล้มเพราะซุ่มซ่ามเอง เห็นชัด ๆ ว่าเด็กรักแม่และต้องการปกป้องแม่ ทิชาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
ถ้าแจ้งความดำเนินคดีกับแม่ของขวัญก็อาจจะต้องอยู่ในสภาพเด็กกำพร้ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่
ทิชาไม่สามารถควบคุมได้ ทิชาพยายามดึงตัวออกมาจากสถานการณ์นี้เพราะเธอก็ได้จดหมายตอบ
รับจากสถาบันวิจัยที่มาเลเซียแล้ว อีกไม่นานเธอก็จะไป
แต่ก็มีเสียงเล็ก ๆ บางเสียงในหัวใจของทิชาที่บอกว่าเธอต้องช่วยเด็กคนนี้ เสียงเล็ก ๆ นั้น แม้จะ
เบาบางจนแทบไม่ได้ยิน แต่ก็ร้องเรียกขอความช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง ทิชา เธอต้องช่วยเด็กคนนี้!
ที่บึงน้ำแห่งหนึ่ง เห็นวัตถุบางอย่างลอยอยู่กลางน้ำไกล ๆ เมื่อมองดูใกล้ ๆ มันคือ “กระเป้า
นักเรียนของของขวัญ!”

