“กรมหม่อนไหม” สนับสนุนเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ป้อนบริษัทเอกชน ยึดหลักตลาดนำการผลิต สร้างรายได้ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 11 ก.พ.64 นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กรมหม่อนไหม โดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ น่าน ได้ดำเนินการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อจะทดแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่บุกรุกพื้นที่ป่าใน จ.น่าน โดยยึดแนวตลาดนำการผลิต ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากภาคเอกชนต้องการรังไหมที่จะผลิตเส้นไหมปีละประมาณ 5,000 ตัน ซึ่งเกษตรกรสามารถผลิตได้ปีละ 2,000 ตัน และการปลูกหม่อนปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บผลผลิตได้หลายปี ปีละหลายรุ่น ซึ่งดำเนินการ 4 ภาคส่วนคือ ภาครัฐ ภาคเกษตรกร ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ในระบบเกษตรพันธสัญญา หรือระบบซื้อขายรังไหมล่วงหน้า(Contract Farming) โดยปัจจุบัน บริษัท จุลไหมไทย จำกัด ได้ทำข้อตกลงร่วมกับเกษตรกรในระบบเกษตรพันธสัญญา ในการรับซื้อรังไหมที่เป็นระบบและราคายุติธรรม ผลการดำเนินงานนอกจากจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน และลดการนำเข้าเส้นไหมจากต่างประเทศแล้ว ยังสามารถลดการบุกรุกทำลายป่า เพิ่มพื้นที่ป่าสีเขียว เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้านนางพิศมัย ชาญนรา หัวหน้าโซนหนึ่ง บริษัท จุลไหมไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทจุลไหมไทยฯ ส่งเสริมเกษตรกรทั่วประเทศ 40 จังหวัด ในส่วนของ จ.น่าน ซึ่งเป็นการผลิตไหมเหลืองนั้น บริษัทได้ร่วมกับศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ น่าน รับซื้อรังไหมของเกษตรกร โดยบริษัทจะซื้อทุกรังที่เกษตรกรผลิตได้ การให้ราคารังไหมจะขึ้นอยู่กับคุณภาพรังไหมตามเปอร์เซ็นต์เปลือกรัง และเปอร์เซ็นต์รังเสีย ซึ่งการให้ราคาตามเปอร์เซ็นต์ดังกล่าว เป็นการจูงใจให้เกษตรกรผลิตไหมมีคุณภาพมากขึ้น

นายไมตรี บุญศัพท์ ประธานกลุ่มผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ต.น้ำมวบ อ.เวียงสา จ.น่าน กล่าวว่า การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ทำให้มีรายได้ดี เพิ่มรายได้แก่ครอบครัว อีกทั้งยังลดการใช้สารเคมี และลดการบุกรุกทำลายป่า ปัจจุบันมีเกษตรกรหันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมหลายราย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน เมื่อว่างเว้นจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ก็หันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มขยายไปหลายอำเภอในจังหวัดน่าน คือ อ.แม่จริม ภูเพียง นาน้อย และเวียงสา ซึ่งวงจรในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนั้นจะใช้เวลาประมาณ 20 วัน ถ้าช่วงหน้าฝน ใน 2 เดือน ก็จะได้ผลผลิตถึง 3 รุ่น สร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างดี

ส่วนนายเมฆ รำมะตี เกษตรกร อ.แม่จริม จ.น่าน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยปลูกไม้ผลหลายอย่าง แต่ไม่มีตลาดรองรับ จึงหันมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมาประมาณ 7-8 ปีแล้ว โดยทางศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ น่าน ได้ส่งเสริมให้เลี้ยงไหมวัยอ่อน จึงหันมาเลี้ยงไหมวัยอ่อน เพื่อให้สมาชิกเกษตรกลุ่ม อ.แม่จริม รับไปเลี้ยงต่อ ซึ่งก็ได้ผลดี นอกจากนี้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ไม่มีการใช้สารเคมีทางการเกษตร จึงเป็นการส่งเสริมเกษตรกรที่ช่วยแก้ปัญหาทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน.

