ตำรวจบุกรวบเจ้าของร้านคาราโอเกะ ในอำเภอเมืองน่าน แฝงค้ากามเด็กสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี
ศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 06.17 น.
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 เปิดเผยว่า วานนี้ ( 11 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับศาลจังหวัดน่าน ที่ จ.11/2564 เข้าตรวจค้นที่ร้านคาราโอเกะ888 และร้านฟ้าใส ตั้งอยู่บนถนนสายน่าน-ทุ่งช้าง ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากมูลนิธิอิมมานูเอลจังหวัดเชียงใหม่ และสืบทราบจนแน่ชัดว่ามีพฤติการณ์เปิดให้บริการ ในลักษณะเป็นร้านคาราโอเกะ มีประมาณ 6 -11 ห้องแต่เบื้องหลังลักลอบค้าประเวณี โดยมีการนำเด็กสาวอายุต่ำกว่า 18 ปีมาให้บริการ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์
จากการเข้าตรวจค้นครั้งนี้พบหญิงสาวมาทำงานเป็นพนักงานนั่งดื่มเป็นเพื่อนจำนวน 30 ราย โดยพบหญิงสาวอายุไม่ถึง 18 ปี 4 ราย เจ้าหน้าที่ฯชุดจับกุม จึงควบคุมตัวทั้งหมดไว้แล้วนำเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองชั่วคราว เพื่อคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยร่วมกับทีมสหวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน

จาการสอบสวนผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้การว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 ได้มาสมัครงานที่ร้าน 888 เป็นพนักงานภายในร้าน มีหน้าที่คอยให้บริการลูกค้าซึ่งลูกค้าสามารถกอดจูบลูบคลำผู้เสียหายได้ โดยมีนางต้ง เจ้าของร้านเป็นผู้ดูแลการทำงานของพนักงาน และทำอยู่ที่ร้าน 888 เรื่อยมา หลังจากนั้นช่วงประมาณ เดือนตุลาคม 2563 ได้ย้ายมาทำงานที่ร้านฟ้าใสซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน มีหน้าที่คอยให้บริการลูกค้า เช่นเดียวกับร้าน 888โดยมีนายอาทิตย์ เจ้าของร้าน เป็นผู้ดูแลการทำงานของพนักงาน และมีนายสุนทร เป็นผู้ช่วย โดยผู้เสียหายจะได้รายได้จากการบริการลูกค้าเป็นค่านั่งดริ้ง ประมาณชั่วโมงละ 100 บ. โดยจะต้องแบ่งให้เจ้าของร้าน 70 บาท และผู้เสียหายได้รับ 30 บาท และหากมีลูกค้าซื้อบริการทางเพศจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้กับทางร้านเพื่อพาหญิงบริการออกไปร่วมประเวณีภายนอกร้าน ตามโรงแรมหรือห้องเช่ารายวันบริเวณใกล้เคียง
เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมหลักฐาน เข้าจับกุมนางต้ง บุตรแก้ว อายุ 47 ปี, นายสุทิน บุตรแก้ว อายุ 51 ปี เจ้าของร้าน 888 และ นายอาทิตย์ ขวัญวารี อายุ 33 ปี และนายสุนทร ขวัญวารี อายุ 29 ปี เจ้าของร้านฟ้าใส ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหนักหลายข้อหา และจะได้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
33%
-
ไม่เห็นด้วย
67%

