วันจันทร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
อ้างโดนใส่ร้ายเอี่ยวทุนจีนสีเทา
‘เพื่อไทย’ดิ้นหนัก
‘นพดล’แจง4ข้อพรรคไม่รู้จัก‘ตู้ห่าว’
‘เอสซีแอสเสท’ร่อนแถลงไม่เกี่ยวข้อง
ยืนยันทำธุรกิจโปร่งใสมาตลอด
“เอสซีฯ” ร้อนใจร่อนเอกสารแจง ปัดเอี่ยวทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้าน ย้ำมีธรรมาภิบาลขายให้แค่นิติบุคคลไทย ขณะที่ แกนนำเพื่อไทย ระบุมีความพยายามดึงกรณี “ตู้ห่าว” โยงพรรค และ“อุ๊งอิ๊ง”สกัดแผนแลนด์สไลด์ ยันตอบได้ทุกประเด็น ด้าน“ชลน่าน” ย้ำ 6 ธันวาคม ยังไม่มีเปิดแคนดิเดต “ธนกร”เตรียมลงพื้นที่ช่วยบิ๊กตู่เต็มสูบ ‘นิพนธ์’รับปากช่วยร้านอาหารต้มยำกุ้ง หลังประธานเครือข่ายฯทั่วประเทศมาเลเซีย ยื่นขอช่วยเหลือเรื่องชีวิตความเป็นอยู่-ปัญหาเอกสารเกี่ยวกับราชการ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม2565 นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่มีการตั้งข้อกล่าวหาต่อนายตู้ห่าว และพวก ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย อีกทั้งให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อบ้านในบางโครงการ และพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยและแกนนำพรรคเพื่อไทยให้เสียหายนั้น พรรคขอใช้สิทธิชี้แจงดังต่อไปนี้
1.กรณีดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆอยู่ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับพรรค พรรคไม่ขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
2.ขอย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว นายตู้ห่าวไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหาก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้นหากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น
ยัน’แพทองธาร’ไม่รู้จัก”ตู้ห่าว”
3.กรณีที่พยายามโยงว่าชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทเอสซี แอสเสท และพาดพิงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผู้ถือหุ้นในบริษัทในบางสื่อนั้น ตนเห็นว่าการพาดพิงและกระจายข่าวต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่านางสาวแพทองธาร ไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใดๆ นอกจากนั้น บริษัทเอสซี แอสเสท ได้แถลงไปแล้วว่าบริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลโดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้านผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจากบริษัทเอสซี แอสเสท อย่างเดียว
4.ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่างๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และโปรดยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร
‘เอสซี’ออกเอกสารแจง3ข้อปัดเอี่ยว
นายสมบูรณ์ คุปติมนัส เลขานุการบริษัท เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกเอกสารชี้แจง ว่า บริษัท เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทนั้น บริษัทใคร่ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า 1.บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังในทุกโครงการ ขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น 2.ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น 3.ผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใด ๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
6ธ.ค.ยังไม่เปิดตัวแคนดิเนตนายกฯ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี2565 ภายใต้ชื่องาน “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน Think big, Act smart, for all thais” ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ว่า ไม่มีไฮไลท์พิเศษอะไรนอกจากการโชว์วิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท.และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย การปาฐกถาพิเศษของตน และการเลือกคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) แทนตำแหน่งที่ว่างลงประมาณ 9-10 ตำแหน่งโดยจะให้ที่ประชุมใหญ่เป็นผู้เสนอชื่อมา ซึ่งไฮไลท์ในวันนั้นมีเพียงแค่การคิกออฟแคมเปญเลือกตั้งพรรค ย้ำว่ายังไม่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
เมื่อถามถึง การยุบสภาที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีการระบุว่าฟันธงว่าจะมีการยุบสภาวันที่ 3 มีนาคม 2566 และการย้ายพรรคของส.ส. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากที่ดูสถานการณ์การเมืองในขณะนี้การยบุสภามีโอกาสเป็นไปได้สูง ด้วยเหตุที่ผู้มีอำนาจเขาเห็นว่ายุบสภาแล้วเขาได้ประโยชน์สุด ซึ่งตามข้อสันนิษฐาน ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหากเขาจะย้ายพรรคต้องมีส.ส.ปัจจุบันย้ายตามไป ฉะนั้น การยุบสภาจะเปิดช่องให้ส.ส.ปัจจุบันสังกัดพรรคได้ภายใน 30 วันนับถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งหากมีการยุบสภาจะมีเวลาเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน ก็สามารถสังกัดสมาชิกพรรคได้อยู่แล้ว จึงเป็นข้อดีที่เขาเห็นว่าได้ประโยชน์ รวมถึงเขาได้มีการเตรียมแผนการเลือกตั้งของเขาไว้หมดแล้ว ก็คงจะมีการยุบสภาแต่จะยุบสภาเมื่อไหร่นั้น เขาก็คงจะดุโอกาสที่เหมาะสมและพยายามดึงไปให้ยาวที่สุด สิ่งที่นายวีระกรพูดก็คงน่าจะใกล้เคียง
เร่งหาข้อยุติกรณี”จิรายุ”
เมื่อถามถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรค พท. ระบุว่าจะขอทบทวนเส้นทางการเมืองหลังพรรคจะส่งนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งเคยเป็นโจทก์เก่าของนายจิรายุ เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง พรรค พท. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราคงต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคเราว่าการที่เราจะหาตัวผู้สมัครนั้นทำในนามระบบพรรค หากมีอะไรที่เป็นข้อขัดแย้งในลักษณะของบุคคลนั้น ก็ต้องพยายามที่จะต้องหาจุดร่วมกันให้ได้เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า ก็น่าจะพูดคุยกันได้ และไม่เสียหายอะไรที่นายจิรายุเขาจะแสดงจุดยืนเขา ในมุมที่เขาทำหน้าที่ของเขามา ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา พรรคเองก็ต้องรับฟังและพรรคก็หวังว่าจะเป็นจุดที่จะไกล่เกลี่ยและเป็นจุดที่จะแสวงจุดร่วม ทำให้ข้อขัดแย้งของเขาหายไปให้ได้
“ประเดิมชัย”ส่อแววชิ่งเพื่อไทย
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองของตนเองว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จะมีการยุบสภาหรือไม่ หรือรัฐบาลจะอยู่ครบวาระ โดยปัจจุบันตนยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่วนอนาคตยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังอยู่ในช่วงของการตัดสินใจว่าจะยังคงร่วมงานต่อไปกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ยังยืนยันว่าจะขอทำงานรับใช้และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวกรุงเทพมหานครต่อไป โดยจะนำเอาประสบการณ์การทำงานทั้งในระดับชาติ และจากการทำงานร่วมกับกรุงเทพฯ มาบูรณาการเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
“ผมไม่ปิดกั้นโอกาสในการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ทุกพรรคการเมือง เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ หากสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ที่แท้จริงกับประชาชนส่วนรวม ผมก็ยินดีที่จะร่วมงานด้วย ดังนั้น หากพรรคการเมืองใดต้องการชวนไปร่วมงาน ผมก็ยินดีที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยน” นายประเดิมชัย กล่าว
นายประเดิมชัย กล่าวต่อว่า กรุงเทพฯ มีปัญหาที่สะสมมายาวนาน ทั้งเรื่องของรถติด น้ำท่วม ของแพง ซึ่งขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจะต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ใช่ปล่อยให้สภาพปัญหาเป็นอยู่อย่างนี้ ถึงแม้ปัญหาจะมีมายาวนาน แต่ก็ต้องหาทางออก ทางแก้ไข จะต้องเริ่มและลงมือทำ ถ้าเราไม่เริ่มนับหนึ่งในการแก้ไข แล้วจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร มันมีปัญหามากมายสำหรับคนกรุงเทพฯ ดังนั้น คนที่จะต้องรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาจะต้องคิดแล้วก็ปฏิบัติ
“ธนกร”ชมนายกฯลุยงานหนัก
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม มาโดยตลอดก็เห็นชัดเจนว่า ท่านนายกฯ ทำงานหนักทุกวัน คิดหานโยบายเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนแทบจะตลอดเวลาที่ท่านมีเวลาว่าง แม้บางฝ่ายจะพยายามเล่นการเมืองแบบดิสเครดิตแต่ท่านนายกฯ ก็ไม่ใส่ใจ เพราะเอาเวลาไปคิดนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนดีกว่า ยิ่งวันนี้ผลงานของท่านนายกฯ ที่หว่านไว้ระยะยาวเริ่มผลิดอกออกผล ทั้งการเยียวยาประชาชน ความสำเร็จแก้ปัญหาโควิด-19 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง หรือโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงสร้างพื้นฐานเต็มรูปแบบ เป็นต้น สำหรับในส่วนของตนนั้นก็จะลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนจากปากประชาชนให้มากขึ้นนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งในการเลือกตั้งสมัยหน้า หากท่านนายกฯ ตัดสินใจไปต่อ เชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุนให้ท่านกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยอย่างแน่นอน
“วันนี้ประเทศไทยพัฒนาไปมาก ผ่านการขับเคลื่อนใน 3 แกนหลักคือ 1 โครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดและบูรณาการมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย 2 ภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงต่างๆ และ 3 ภาคการธนาคาร และวิธีการทำงานของธนาคาร ที่สามารถกระตุ้นความมั่งคั่งรุ่งเรืองได้ โดย 3 แกนหลักนี้จะยกระดับชีวิตคนไทยหลายล้านคนได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันยังมีการสร้างถนนหนทาง มีถนนมอเตอร์เวย์ที่สวยงาม มีการพัฒนาและสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ การจัดระเบียบคูคลอง การนำพาประเทศไปสู่ความเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของโลก รวมทั้งการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีจนได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งทั้งหมดล้วนสำเร็จได้ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น” นายธนกร กล่าว
‘นิพนธ์’ช่วยคนไทยในกัวลาลัมเปอร์
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างการเดินทางเพื่อเยี่ยมเยียนและร่วมพบปะกับกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซีย ของนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และคณะ ระหว่างวันที่ 2-5 ธ.ค. โดยนายนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกันกับประธานชมรม Ukhuwah Mr. Johari Bin Ahmad และกลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า ปัจจุบันการมาทำงานในประเทศมาเลเซียของกลุ่มคนไทยนั้นมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องการให้รัฐบาลไทยได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขเร่งด่วนเนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มคนไทยที่มาทำงานฯที่นี่ โดยทางกลุ่มฯได้ร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่อง การแจ้งเกิด-แจ้งตายที่ปัจจุบันมีรายละเอียดและขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก และหลายขั้นตอน
การอํานวยความสะดวกในการออกใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย การอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง(Passport) ให้กับคนไทยที่เดินทางมาทํางาน ให้สามารถต่ออายุ/ทำใหม่ได้ที่สถานทูตฯ การกำหนดรายละเอียดการออกใบอนุญาตให้เข้ามาทํางานในประเทศมาเลเซีย (Work Permit) โดยกำหนดประเภทแรงงาน/ราคา การส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของคนไทยที่เดินทางมาทํางานในประเทศมาเลเซีย การจัดหาครูผู้สอนและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยให้กับเด็กที่ครอบครัวพามาพักอาศัย หรือ ที่แม่คนไทยคลอดในประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งปัจจุบันเด็กที่เดินทางมากับผู้ปกครองนั้นไม่สามารถสื่อสารและใช้ภาษาไทยได้
ส่งรายได้กลับประเทศมหาศาล
นายนิพนธ์ กล่าวว่า การร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะกลุ่มคนที่ร้องขอมานั้นก็ถือเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดต่างๆนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าบางอย่างสามารถดำเนินการได้ทันที อย่างการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้คนไทยในต่างแดนได้รู้จักกันมากขึ้น สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในเรื่องต่างๆ ส่วนในเรื่องพาสปอร์ต และใบอนุญาตการทำงานต้องมีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ และทางการมาเลเซีย ต่อไป ซึ่งจะรับไปดำเนินการต่อรวมทั้งประเด็นอื่นๆตามที่กลุ่มฯได้ร้องขอมา ซึ่งต้องถือว่ากลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำรายได้เข้าประเทศและหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนใต้ของเราส่วนหนึ่งด้วย